คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษาลงโทษจำเลยมาโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 เสียก่อนจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2),225 ในอันที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่งโดยเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี แล้วคงจำคุกจำเลย 25 ปี
จำเลยอุทธรณ์ว่า ขณะกระทำผิดจำเลยวิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ขอให้ยกฟ้องหรือมีคำสั่งให้แพทย์ตรวจจำเลย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ยกเหตุที่ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น ทั้งไม่จำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจจำเลย แต่ศาลชั้นต้นลงโทษหนักเกินไป พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 20 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 ปี
จำเลยฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งตัวจำเลยไปให้แพทย์ตรวจและเรียกแพทย์มาให้ถ้อยคำ ศาลชั้นต้นไต่สวนแพทย์ผู้ตรวจแล้วส่งสำนวนมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ดังนั้นการที่ศาลล่างทั้งสองดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้มา จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2), 225ในอันที่จะมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นส่งตัวจำเลยไปยังโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จังหวัดสุราษฏร์ธานีหรือโรงพยาบาลแห่งอื่นตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรรับไปดูแลรักษาจนกว่าจำเลยจะหายวิกลจริตหรือสามารถจะต่อสู้คดีได้ จึงให้ศาลชั้นต้ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share