คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า “จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย 1,211 ต้น โจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ อันเนื่องมาจากจำเลยทำไฟไหม้ลุกลาบต้นยางพาราของโจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินตามฟ้อง จำเลยไม่เคยเผาป่าและไม่เคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยนำพยานเข้าสืบฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้กระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย และในเรื่องนี้จำเลยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทตามสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ๓๘๐/๒๕๒๘ หมายเลขแดงที่ ๑๖๑๓/๒๕๒๘ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามบันทึกสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย จ.๓ ไม่ได้เพราะเป็นสัญญาที่ทำขึ้นโดยปราศจากมูลหนี้อันแท้จริงนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ดังข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวเป็นยุติว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาณเป็นเหตุให้ไฟลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว แต่การที่จำเลยยอมตกลงตามบันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอพุนพินเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๒๗ ว่า จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย ๑,๒๑๑ ต้น โจทก์คิดค่าเสียหาย ๒๕๐,๐๐๐ บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน ๗๐ วัน นับแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๒๗ เป็นต้นไป และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานตามภาพถ่ายบันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอพุนพินเอกสารหมาย จ.๓ บันทึกสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย จ.๓ ดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความโดยชอบด้วยกฎหมายที่จำเลยทำด้วยความสมัครใจ โจทก์และจำเลยย่อมต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share