คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่ร้อยตำรวจตรี พ. ควบคุมตัว ส. ผู้ต้องหา ใน ข้อหาไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 จะนำขึ้นรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีจำเลยได้เข้าโอบกอดจับตัว ร้อยตำรวจตรี พ. ไว้ และพวกของจำเลยอีกสองคนได้ช่วยกันยื้อแย่งเอาตัว ส. ขึ้นรถยนต์หลบหนีไปถือว่า ส. ถูกคุมขังอยู่ตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (12), 191 แล้วการกระทำของ จำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138, 140, 191

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุมขังให้หลุดพ้นจกาการคุมขังไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๑๙๑, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๑๙๑, ๘๓ ให้ลงโทษตาม มาตรา ๑๙๑ วรรคท้าย ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ร้อยตำรวจตรีไพศาลได้ปฏิบัติตามหน้าที่เข้าจับกุมนายสกุลฐานไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๘๕ ขณะที่ร้อยตำรวจตรีไพศาลควบคุมตัวนายสกุลจะนำขึ้นรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีจำเลยได้เข้าโอบกอดจับตัวร้อยตำรวจตรีไพศาลไว้ และพวกของจำเลยอีกสองคนได้ช่วยกันยื้อแย่งเอาตัวนายสกุลไป โดยคนหนึ่งจับมือร้อยตำรวจตรีไพศาลไว้ให้อีกคนหนึ่งดึงเอาตัวนายสกุลออกจากการจับกุม จากนั้นจำเลยกับพวกพานายสกุลขึ้นรถยนต์หลบหนีไป ขณะนั้นนายสกุลกำลังถูกควบคุมตัวไปสถานีตำรวจ ซึ่งถือว่านายสกุลถูกคุมขังอยู่ตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑๒), ๑๙๑ ด้วย จำเลยจึงต้องมีความผิดทุกข้อหาตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share