แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุให้ ส.ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจตั้งทนายความเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆในศาล ย่อมมีความหมายรวมถึงให้ตั้งทนายความแก้ต่าง และให้การแก้ฟ้องแย้งด้วย โจทก์มีอำนาจฟ้องและให้การแก้ฟ้องแย้ง
โจทก์จดทะเบียนเลิกการเช่าที่ดินกับ ช. และวันเดียวกันโจทก์ได้จดทะเบียนการเช่าให้ ป. แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะซื้อบ้านจาก ช. และโจทก์ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยมีสิทธิการเช่าที่ดินสืบต่อจาก ช. ดังนี้ สิทธิการเช่าของจำเลยเป็นเพียงหลักฐานการเช่าแต่ไม่ได้จดทะเบียน ป.มีสิทธิยิ่งกว่าจำเลยในการเช่าที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 จำเลยไม่มีสิทธิบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอีกได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์และให้ชำระค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันละเมิด ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ได้ระบุให้นายสมภพมีอำนาจแก้ต่างหรือตั้งทนายความในการแก้ฟ้องแย้งของจำเลย นายสมภพหรือทนายจึงไม่มีอำนาจแก้ฟ้องแย้งนั้นเห็นว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ก็ได้ระบุว่าให้นายสมภพมีอำนาจแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในศาล ย่อมมีความหมายรวมถึงให้ตั้งทนายความแก้ต่าง และให้การแก้ฟ้องแย้งด้วยโจทก์มีอำนาจฟ้องและให้การแก้ฟ้องแย้ง
ที่จำเลยฎีกาข้อที่สองว่า จำเลยมีสิทธิเช่าที่ดินพิพาทสืบต่อจากนายไชยยศและมีสิทธิขอให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าด้วยนั้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2511 ก่อนที่จำเลยจะซื้อบ้านเลขที่ 143 จากนายไชยยศ ได้มีการจดทะเบียนเลิกการเช่าที่ดินระหว่างโจทก์กับนายไชยยศแล้ว และในวันเดียวกันโจทก์ได้จดทะเบียนการเช่าให้นายแปะที่ไปพร้อมกัน ดังนั้น แม้ต่อมาจำเลยจะได้ซื้อบ้านเลขที่ 143 จากนายไชยยศ และโจทก์ยินยอมให้จำเลยมีสิทธิการเช่าที่ดินสืบต่อจากนายไชยยศ หนังสือยินยอมนี้ทำขึ้นภายหลังที่โจทก์จดทะเบียนให้นายแปะตี่เช่าที่ดินไปแล้ว สิทธิการเช่าของจำเลยเป็นเพียงหลักฐานการเช่าแต่ไม่ได้จดทะเบียน นายแปะตี่มีสิทธิยิ่งกว่าจำเลยในการเช่าที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 จำเลยไม่มีสิทธิบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอีกได้”
พิพากษายืน