คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีแพ่งควรเป็นไปโดยลักษณะความแพ่งกล่าวคือเทียบเคียงน้ำหนักคำพยานประกอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีว่าจะควรเชื่อฟังเป็นความจริงตามโจทก์ฟ้องได้เพียงใดจะถือเอาเพียงข้อแตกต่างแห่งคำพยานโจทก์บางคนที่เบิกความไม่ตรงกันมาเป็นเหตุยกฟ้องนั้นสำหรับคดีนี้ไม่ชอบ
บุตรได้ด่ามารดาว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) แล้วมารดาเรียกทรัพย์ที่ให้บุตรโดยเสน่หาคืนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกที่ดิน 3 แปลงถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณ

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ยกข้อแตกต่างของคำพยานโจทก์มาเป็นเหตุไม่เชื่อคำพยานโจทก์ ศาลฎีกากล่าวว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่งมิใช่คดีอาญา การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีจึงควรเป็นไปโดยลักษณะความแพ่งกล่าวคือ เทียบเคียงน้ำหนักคำพยานประกอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีว่าจะควรเชื่อฟังเป็นความจริงตามโจทก์ฟ้องได้เพียงใดจะถือเอาเพียงข้อแตกต่างแห่งคำพยานโจทก์บางคนที่เบิกความไม่ตรงกันมาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นด้วย เพราะประเด็นในคดีมีเพียงว่า จำเลยได้ด่าหมิ่นประมาทโจทก์เป็นการประพฤติเนรคุณจริงหรือไม่

ศาลฎีกาเชื่อพยานโจทก์ว่า จำเลยได้ด่าโจทก์ผู้เป็นมารดาด้วยถ้อยคำเช่น อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่เป็นต้น ตรงกับที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องแล้ว ถือว่าเป็นถ้อยคำที่จำเลยด่าหมิ่นประมาทโจทก์มารดาอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ผู้ให้แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) โจทก์เรียกทรัพย์ที่ให้จำเลยโดยเสน่หาคืนได้

โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินเพิกถอนคืนการให้ 3 แปลง แต่ปรากฏว่าแปลงหนึ่งโจทก์ขายให้จำเลย จึงเรียกคืนไม่ได้ คงเรียกคืนได้เฉพาะ 2 แปลงที่โจทก์ให้จำเลยโดยเสน่หา

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ โดยให้เพิกถอนการให้ที่ดิน 2 แปลงในส่วนที่โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยโดยเสน่หาคืนให้โจทก์ไป

Share