แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งยอมความกันมิได้นั้น ผู้เสียหายไม่ต้องร้องทุกข์ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็สอบสวนฟ้องร้องได้
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถที่ผู้เสียหายขับขี่นั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับขี่รถจักรยานสองล้อไม่มีใบขับขี่และโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นได้รับความเสียหายและบาดเจ็บขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติล้อเลื่อน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานจริงแต่จำเลยมีความชำนาญในการขับขี่รถจักรยานมานานแล้ว ความจริงนายทวนขับขี่รถยนต์ผิดกฎจราจรชนรถจักรยานของจำเลยเสียหาย จำเลยได้รับบาดเจ็บ จำเลยมิได้ทำให้ผู้ใดเสียหายและบาดเจ็บ
ศาลแขวงสุรินทร์พิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติล้อเลื่อน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ให้ปรับ 40 บาท จำเลยรับสารภาพในความผิดฐานนี้ลดให้กึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 20 บาท และจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390ให้ปรับอีก 100 บาท ค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลแขวงสุรินทร์ สั่งรับเฉพาะฎีกาข้อ 2(ค) ข้อ 3 และข้อ 4 นอกนั้นเป็นข้อเท็จจริง ไม่รับ
ศาลฎีกาว่า ข้อที่จำเลยฎีกา ข้อ 2(ค) ที่ว่านายเป็งฮวดผู้บาดเจ็บมิได้ร้องทุกข์เอาโทษแก่จำเลย พนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมไม่มีอำนาจดำเนินคดีฟ้องจำเลยนั้น เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับความอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดส่วนตัวอันยอมความกันได้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจทำการสอบสวนและดำเนินคดีฟ้องผู้กระทำความผิดได้ แม้จะไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ฎีกาข้อ 3 ที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ระบุว่ารถยนต์ที่นายทวนผู้เสียหายขับนี้เป็นของผู้ใด เลขทะเบียนที่เท่าใด จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบและไม่ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 นั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิดพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดดังที่จำเลยกล่าวอ้างฟ้องไม่เคลือบคลุม ส่วนฎีกาข้อ 4 ว่า การนำสืบของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เพราะฟ้องว่าขับรถบนถนนหลวง แต่นำสืบว่าบนถนนในหมู่บ้าน ไม่ใช่ถนนหลวง นั้นเห็นว่าการนำสืบของโจทก์หาแตกต่างกับฟ้องไม่ เพราะโจทก์มีร้อยตำรวจตรีวัลลภมาเบิกความว่าถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนหลวงในชนบท ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ที่อำเภอแล้วและจุดที่เกิดชนกันอยู่กลางถนนหลวง พิพากษายืน