คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยร่วมซึ่งเป็นสามีของ ย. ได้ลงชื่อเป็นพยานในหนังสือมอบอำนาจและหนังสือยกกรรมสิทธิ์ที่ดิน และทำบันทึกข้อตกลงสามฝ่ายยินยอมให้ ย. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ถือว่าจำเลยร่วมยินยอมให้ ย. แลกเปลี่ยนที่ดินที่เป็นสินสมรสกับโจทก์ เมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ด้วยการโอนที่ดินของตนให้แก่จำเลยตามข้อตกลงตรงตามความประสงค์ของ ย.แล้ว สัญญาหรือข้อตกลงจะแลกเปลี่ยนที่ดินระหว่างโจทก์กับ ย.จึงมีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 519ประกอบด้วย มาตรา 456 วรรคสอง จำเลยร่วมในฐานะผู้จัดการมรดกของ ย.จึงต้องโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของย. ให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรนายสงัด นางยาใจ ขณะมีชีวิตนางยาใจด้วยความยินยอมของนายสงัดได้แบ่งทรัพย์สินให้โจทก์จำเลยเป็นส่วนสัดเท่า ๆ กัน โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินหลายแปลงโดยเฉพาะที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโฉนดเลขที่ 14971, 14987, 14988และ 53366 ตำบลบางกะปิ ต่อมาจำเลยประสงค์จะได้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของโจทก์และแจ้งให้นางยาใจทราบ โจทก์จำเลยและนางยาใจด้วยความยินยอมของนายสงัด จึงตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน โดยทำเป็นนิติกรรมยกให้ จำเลยและนางยาใจต้องโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของตนแก่โจทก์เป็นการตอบแทน คือที่ดินโฉนดเลขที่14964 ตำบลบางกะปิ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และโฉนดเลขที่ 10652ตำบลแหลมผักเบี้ย ของจำเลยกับที่ดินโฉนดเลขที่ 60255 ตำบลบางซื่อ โฉนดเลขที่ 14967, 14968, 14982, 14983 และ 53369ตำบลบางกะปิ ของนางยาใจ แต่โจทก์อยู่ต่างประเทศไม่อาจโอนและรับโอนทรัพย์ตามข้อตกลงได้จึงมอบอำนาจให้จำเลยจัดการแทนโจทก์ชำระหนี้ด้วยการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ทั้งสี่โฉนดให้จำเลยแล้ว ครั้นโจทก์กลับมาประเทศไทย ปรากฏว่าจำเลยและนางยาใจยังไม่ได้โอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ตอบแทนแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยเห็นว่าตนเองและนายสงัดจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงยุยงนายสงัดให้ขัดขวางการโอนโดยอายัดที่ดินไว้ และต่อมานางยาใจถึงแก่กรรม เป็นเหตุให้โจทก์รับโอนที่ดินโฉนดเลขที่14967, 14968, 14982, 14983 และ 53369 ตำบลบางกะปิ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อชำระหนี้ตอบแทนไม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของนางยาใจและในฐานะส่วนตัวโอนที่ดินให้แก่โจทก์มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า จำเลยและนางยาใจไม่ได้ตกลงและทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง โจทก์ยกให้จำเลยโดยมีค่าภาระติดพันหนังสือยกให้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ ผู้ให้ไม่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน ไม่ได้ลงลายมือชื่อและไม่ได้จดทะเบียนขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนายสงัด ผู้จัดการมรดกของนางยาใจ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า นางยาใจและจำเลยไม่เคยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 14967, 14968, 14983, 14983และ 53369 ตำบลบางกะปิ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยร่วมกับนางยาใจ จำเลยร่วมมีอำนาจจัดการร่วมกับนางยาใจที่ดินโฉนดเลขที่ 60255 ตำบลบางกะปิ ก็เป็นทรัพย์ในกองมรดกของนางยาใจต้องแบ่งกันระหว่างทายาท โจทก์ประพฤติตนไม่ดีจำเลยร่วมไม่ประสงค์จะยกทรัพย์สินให้จึงได้คัดค้านการขอรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 14964ตำบลบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินโฉนดเลขที่ 10652 ตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี แก่โจทก์ และให้จำเลยร่วมในฐานะผู้จัดการมรดกของนางยาใจ รุทระกาญจน์ โอนที่ดินโฉนดเลขที่14967, 14968, 14982, 14983, 53369 ตำบลบางกะปิ(ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างและที่ดินโฉนดเลขที่ 60255 ตำบลบางซื่อ อำเภอดุสิต(บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ตามที่คู่ความนำสืบข้อเท็จจริงคงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรนางยาใจและจำเลยร่วม นางยาใจถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2525ศาลสั่งตั้งจำเลยร่วมเป็นผู้จัดการมรดก โจทก์ได้โอนยกที่ดินโฉนดเลขที่ 14971, 14987, 14988 และ 53366 ตำบลบางกะปิ(ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลชาญวิทย์พิทยาที่โจทก์ได้มาจากนางยาใจให้แก่จำเลย โดยมอบอำนาจให้จำเลยไปโอนแทนตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.4, จ.5 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2524 ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยและนางยาใจตกลงจะยกที่ดินตามฟ้องของตนให้โจทก์โดยแลกเปลี่ยนกับที่ดินที่จำเลยได้รับจากโจทก์แล้วนั้นหรือไม่ เชื่อได้ว่านางยาใจได้ตกลงจะยกที่ดินของนางยาใจตามฟ้องให้แก่โจทก์ตอบแทนเป็นการแลกเปลี่ยน แต่พยานหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวกับที่ดินของจำเลยนั้นคงมีแต่หนังสือของนางยาใจตามเอกสารหมาย จ.2 ที่ระบุถึงที่นาตำบลหนองผักเบี้ยเพียงอย่างเดียว ไม่มีหลักฐานอื่นใดประกอบจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ตกลงจะยกที่ดินของจำเลยตอบแทนแก่โจทก์ด้วยส่วนที่จำเลยร่วมอ้างว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 14967, 14968, 14982, 14983, 53369ตำบลบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 198 เป็นสินสมรสระหว่างนางยาใจกับจำเลยร่วมนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยร่วมได้ลงชื่อเป็นพยานในหนังสือมอบอำนาจและหนังสือยกกรรมสิทธิ์ที่ดินตามเอกสารหมาย จ.27, จ.28 และทำบันทึกข้อตกลงสามฝ่ายยินยอมให้นางยาใจโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.29 ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น กรณีต้องถือว่าจำเลยร่วมยินยอมให้นางยาใจแลกเปลี่ยนที่ดินที่เป็นสินสมรสกับโจทก์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจะเป็นสินสมรสหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย และข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ด้วยการโอนที่ดินของตนให้แก่จำเลยตามข้อตกลงตรงตามความประสงค์ของนางยาใจแล้ว สัญญาหรือข้อตกลงจะแลกเปลี่ยนที่ดินระหว่างโจทก์กับนางยาใจจึงมีผลบังคับได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 519 ประกอบด้วยมาตรา 456 วรรคสอง จำเลยร่วมในฐานะผู้จัดการมรดกของนางยาใจชอบจะต้องโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องของนางยาใจแก่โจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีสำหรับจำเลยร่วมไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share