คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3233/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ยอมรื้อเรือนและร้านค้าออกจากที่ดินพิพาท และจำเลยที่ 3เป็นบริวารจำเลยที่ 1 ที่ 2 โจทก์ก็ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในคดีก่อนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 101,000 บาทและค่าเสียหายอีกวันละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงจำเลยรื้อเรือนออกพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของเงินที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนถึงวันจำเลยรื้อถอนเรือน
จำเลยทั้งสามให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์อาจฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีเดิมคือในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23/2529 ของศาลชั้นต้นได้ โจทก์มาฟ้องคดีนี้จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1และที่ 2 ให้ออกจากที่ดินพิพาท ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นบริวารของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าว โดยโจทก์ยอมยกที่ดินเนื้อที่91 ตารางวา ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 2ยอมจะรื้อเรือนเลขที่ 79 และร้านค้าออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์ภายใน 1 ปี 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ทำการรื้อถอนภายในกำหนด จำเลยที่ 1 และที่ 2จะต้องคืนที่ดินส่วนที่โจทก์ยกให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังกล่าวให้แก่โจทก์ และศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ดังนี้ คำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบริวารนับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาตามยอม เมื่อจำเลยที่ 1และที่ 2 ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ยอมรื้อเรือนและร้านค้าออกจากที่ดินพิพาท โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบริวารในคดีก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ ดังนั้น ปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนหรือไม่ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรที่จะได้รับการวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share