แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การร้องขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 เป็นการใช้สิทธิทางศาลอย่างหนึ่ง ผู้ร้องต้องกระทำการโดยสุจริต ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยแต่ น. ผู้เช่าซื้อรถบรรทุกของกลางและเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนผู้ร้อง มีพฤติการณ์ว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้กลับเข้าครองรถบรรทุกของกลางพยานหลักฐานผู้ร้องก็ฟังไม่ได้ว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วทั้งผู้ร้องไม่เคยติดต่อขอรับรถบรรทุกของกลางคืนจากพนักงานสอบสวนแต่ น. ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ติดต่อขอรับคืน ดังนี้ เห็นได้ว่าผู้ร้องยอมให้ น. ใช้ชื่อผู้ร้องในการขอคืนของกลางเพื่อประโยชน์แก่ น. ซึ่งเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งคืนให้ได้.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้รถบรรทุกน้ำหนักเกินอัตรา ให้ลงโทษจำเลยและริบรถบรรทุกของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถบรรทุกของกลางได้ให้ผู้อื่นเช่าซื้อ และผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย ขอให้คืนรถบรรทุกของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนรถบรรทุกของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้ร้องจะไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดคดีนี้ แต่นายนริศวงศ์ภมรมนตรี ผู้เช่าซื้อและเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนผู้ร้องเบิกความว่า นายนริศมีอาชีพรับจ้างบรรทุกทราย หินและดิน ขณะเกิดเหตุรับจ้างบรรทุกทราบไปที่หมู่บ้านบางบัวทองโดยจำเลยเป็นคนขับ รถบรรทุกของกลางและวันเกิดเหตุจำเลยได้ นำรถไปบรรทุกทรายให้นายอนันต์วงศ์ ภมรมนตรี น้องชายนายนริศ พฤติการณ์ดังนี้ นายนริศจะอ้างว่าไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำของจำเลยย่อมฟังไม่ขึ้น ส่วนการดำเนินคดีขอคืนรถบรรทุกของกลางนั้น ผู้ร้องคงมีนายฉัตรชัย โพธาร นางพงษ์ ลูกจ้างผู้ร้องเป็นพยานเบิกความลอย ๆ ว่า ผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาไปยังผู้เช่าซื้อโดยไม่ได้อ้างส่งเอกสารบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อศาลทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้กลับเข้าครองรถบรรทุกของกลางแต่อย่างใด คงได้ความจากนายฉัตรชัย พยานผู้ร้องเพียงว่าผู้เช่าซื้อยังชำระเงินค่าเช่ารื้อ ให้ไม่ครบ แต่นายฉัตรชัย ก็ไม่ทราบว่าค้างชำระค่าเช่าซื้อกันกี่งวดและจำนวนเงินเท่าใด เนื่องจากไม่มีเอกสารการชำระค่าเช่าซื้อมาแสดง คำเบิกความของนายฉัตรชัย เกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงฟังเป็นจริงไม่ได้ นอกจากนี้นายฉัตรชัย ไม่เคยติดต่อขอรับรถบรรทุกของกลางคืนจากพนักงานสอบสวน คงได้ความจากร้อยตำรวจโทธนู พนักงานสอบสวนว่านายนริศผู้เช่าซื้อเป็นผู้มาติดต่อขอรับรถคืน ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าผู้ร้องยอมให้นายนริศใช้ชื่อผู้ร้องในการขอคืนของกลางคดีนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่นายนริศนั่นเองการร้องขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 นั้น เป็นการใช้สิทธิทางศาลอย่างหนึ่งซึ่งผู้ร้องจะต้องกระทำการโดยสุจริต เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ร้องมิใช่ผู้ขอคืนที่แท้จริง แต่เป็นการขอคืนเพื่อประโยชน์นายนริศซึ่งเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดเช่นนี้จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต กรณีจึงไม่มีเหตุที่ศาลจะคืนให้ได้
พิพากษายืน.