แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาว่าเอกสารหลักฐานแห่งการกู้ยืมมิได้ปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามประมวลรัษฎากร ศาลจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาได้ ใบยืมของชั่วคราวมีข้อความเพียงว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม2528 จำเลยยืมเงินไป 40,000 บาท และมีลายมือชื่อจำเลยในช่องผู้รับของ เป็นเพียงหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ มิใช่สัญญากู้ยืม จึงไม่ตกอยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ โจทก์มอบอำนาจให้ ด.เป็นตัวแทนมีอำนาจฟ้องคดีด.จึงมีอำนาจแต่งตั้งทนายความว่าความแทนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายดามพ์ทวีปดำเนินคดีแทนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2528 จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป 40,000 บาทโจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 51,500บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า นายดามพ์ทวีปไม่มีอำนาจแต่งตั้งนายณัฐชัยเป็นทนายเรียงและลงชื่อในฟ้อง จำเลยไม่ได้กู้ยืมเงินโจทก์ เอกสารท้ายฟ้องมิใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 3พฤศจิกายน 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรก โจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าในใบยืมของชั่วคราวซึ่งเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลรัษฎากร จึงต้องห้ามมิให้รับฟังพยานเอกสารดังกล่าว เห็นว่า ปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ ศาลฎีกาได้ตรวจใบยืมของชั่วคราวเอกสารหมาย จ.2 แล้ว ปรากฏว่ามีข้อความสาระสำคัญเพียงว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2528 จำเลยยืมเงินไป40,000 บาท และมีลายมือชื่อจำเลยในช่องผู้รับของเท่านั้น เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมิใช่สัญญากู้ยืม จึงไม่ตกอยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ ดังนั้น ศาลจึงรับฟังใบยืมของชั่วคราวเอกสารหมาย จ.2 เป็นพยานหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้ไม่ขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 118
ประการที่ 2 โจทก์มิได้มีวัตถุประสงค์ในการให้กู้ยืมเงินการที่โจทก์ให้กู้ยืมเงินจึงเป็นการกระทำนอกวัตถุประสงค์ เห็นว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ประการที่ 3 หนังสือมอบอำนาจของโจทก์มิได้ระบุให้อำนาจนายดามพ์ทวีปแต่งตั้งทนายความได้แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ามีอำนาจแต่งตั้งทนายความได้จึงไม่ชอบ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 บัญญัติว่า “คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือผู้แทนโดยชอบธรรมในกรณีที่คู่ความเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือผู้แทนในกรณีที่คู่ความเป็นนิติบุคคล จะว่าความด้วยตนเองและดำเนินกระบวนพิจารณาทั้งปวงตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ของตนหรือจะตั้งแต่งทนายความคนเดียวหรือหลายคนให้ว่าความ และดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตนก็ได้
ถ้าคู่ความหรือผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลใดเป็นผู้แทนตนในคดี ผู้รับมอบอำนาจเช่นว่านั้นจะว่าความอย่างทนายความไม่ได้ แต่ย่อมตั้งทนายความเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาได้” เมื่อหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.11 ข้อ (2) ได้มอบอำนาจให้นายดามพ์ทวีปเป็นตัวแทนมีอำนาจยื่นฟ้องเป็นคดีอาญา คดีแพ่งและหรือคดีล้มละลาย นายดามพ์ทวีปจึงมีอำนาจแต่งตั้งทนายความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสอง ดังกล่าว
พิพากษายืน