แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา จำเลยให้การรับว่าเสพและจำหน่ายกัญชา โจทก์ไม่คัดค้านและไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเสพกัญชาและจำหน่ายกัญชา เมื่อโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานเสพกัญชา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เช่นนี้ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาฐานนี้ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นสอดคล้องกับข้อความในตอนต้นของคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงรับฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 เช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๒๖, ๗๕, ๗๖ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๗, ๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๒๒ เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๔ (๑) คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับว่าเสพและจำหน่ายกัญชาตามฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๒๖, ๗๕, ๗๖ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๗, ๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ เรียงกระทงลงโทษฐานเสพกัญชา จำคุก ๒ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก ๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง จำคุกฐานเสพกัญชา ๑ เดือน ปรับ ๒๕๐ บาท โทษจำคุกให้ยกเสีย ฐานจำหน่ายกัญชา ๒ ปีจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนและกัญชามีจำนวนน้อย โทษจำคุกเห็นควรให้รอไว้มีกำหนด ๒ ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙, ๓๐ คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานเสพกัญชานอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา จำเลยให้การรับสารภาพว่าเสพและจำหน่ายกัญชาตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเสพกัญชาและจำหน่ายกัญชา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเสพกัญชา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเสพกัญชาจึงไม่ชอบ และจำเลยไม่ได้ให้การรับสารภาพฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ไม่คัดค้านและไม่สืบพยานในประเด็นดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานเสพกัญชา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาฐานนี้ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นและสอดคล้องกับข้อความในตอนต้นของคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งว่า เหตุใดจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงรับฟังได้ว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการนั้น เห็นว่า ฎีกาโจทก์ดังกล่าวเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาโจทก์