แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ปลอมลายเซ็นชื่อโจทก์ลงในใบมอบอำนาจร่วมกับลายเซ็นแท้จริงของจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาททั้งแปลง รวมทั้งส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 3จำเลยที่ 3 รับโอนแล้วได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา ดังนี้การโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์ตามลายเซ็นปลอมนั้น ไม่ผูกพันโจทก์ที่พิพาทอันเป็นส่วนของโจทก์ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์อยู่แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ครอบครองที่พิพาทอันเป็นส่วนของโจทก์โดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี โจทก์ได้รู้เห็นแล้วยังคงปล่อยให้จำเลยที่ 3ครอบครองตลอดมา จำเลยที่ 3 ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทส่วนของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ ๑ มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่นาโฉนดเลขที่ ๖๔๙๔ ต่อมาจำเลยทั้งสามได้สมคบกัน โดยจำเลยที่ ๑ได้ปลอมลายมือชื่อของโจทก์ลงในช่องผู้มอบอำนาจร่วมกับลายมือแท้จริงของจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการทำนิติกรรมสัญญาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๔๙๔ ดังกล่าวแก่จำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๒ ได้นำใบมอบอำนาจนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำนิติกรรมสัญญาให้ที่ดิน โดยจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับให้ในโฉนดที่ดินดังกล่าวขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสัญญาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๔๙๔ในส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๓ เป็นโมฆะ ให้เจ้าพนักงานที่ดินถอนชื่อจำเลยที่ ๓ ออกแล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในส่วนของโจทก์ตามเดิม
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์และจำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินนางขำโดยนำที่นา ๓ แปลง รวมทั้งแปลงพิพาทไปประกันเงินกู้ กับขอร้องให้จำเลยที่ ๒ เอานาของจำเลยที่ ๒ ไปเป็นประกันอีกด้วย ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงขอร้องให้จำเลยที่ ๒ ชำระหนี้แทน ภายหลังโจทก์และจำเลยที่ ๑ ได้ตกลงขายนาพิพาทแก่จำเลยที่ ๓และส่งมอบนาพิพาทให้จำเลยที่ ๓ เข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของติดต่อกันมาโดยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปี แล้วคดีของโจทก์จึงขาดอายุความ โจทก์มิใช่หยิงหม้าย จะฟ้องคดีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามีหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความจำเลยที่ ๑ ปลอมลายมือชื่อโจทก์ลงในใบมอบอำนาจให้โอนที่ดิน พิพากษาว่าการจดทะเบียนสัญญาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๔๙๔ เฉพาะส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๓ เป็นโมฆะ ไม่ผูกพันโจทก์ที่โจทก์ ขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินถอนชื่อจำเลยที่ ๓ ออกแล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในส่วนของโจทก์นั้นไม่อาจบังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๓ ได้กรรมสิทธิ์ในที่นาพิพาททั้งแปลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ แม้คดีนี้จำเลยที่ ๑และที่ ๒ จะมิได้อุทธรณ์ขึ้นมา แต่กรณีเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้สมควรให้คำพิพากษานี้มีผลถึงจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๕(๑) พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ได้ปลอมลายเซ็นชื่อโจทก์ลงในใบมอบอำนาจร่วมกับลายเซ็นแท้จริงของจำเลยที่ ๑ เพื่อให้จำเลยที่ ๒มีอำนาจโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์รวมทั้งส่วนของจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๓จำเลยที่ ๒ จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาททั้งแปลงรวมทั้งส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๓ แล้วจำเลยที่ ๓ ได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีแล้ว โจทก์ฎีกาโต้เถียงว่าการครอบครองของจำเลยที่ ๓ หาใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์ไม่เพราะขณะที่จำเลยที่ ๓ ครอบครองนั้น ทรัพย์มิใช่เป็นของโจทก์หากเป็นของจำเลยที่ ๓ เอง
ศาลฎีกาเห็นว่า การโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์ตามลายเซ็นที่ปลอมนั้นหาผูกพันโจทก์ไม่ที่พิพาทอันเป็นส่วนของโจทก์จึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนของโจทก์อยู่ที่โจทก์ฎีกาว่า ขณะที่จำเลยที่ ๓ ครอบครองนั้นที่พิพาทมิใช่ของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้นเมื่อจำเลยที่ ๓ ครอบครองที่พิพาทอันเป็นส่วนของโจทก์โดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีดังได้วินิจฉัยมาแล้วโจทก์ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากที่พิพาทได้รู้เห็นแล้วยังคงปล่อยให้จำเลยที่ ๓ ครอบครองตลอดมา จำเลยที่ ๓ ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทส่วนของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
พิพากษายืน