คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่1แต่ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาท เมื่อพ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 ไปแล้วมีผลเท่ากับขณะออกเช็คพิพาทผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อ เป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามเช็ค

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 ได้สั่งจ่ายเช็คของธนาคารเอเซีย จำกัด สำนักงานใหญ่ ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 เป็นเงิน49,500 บาท ประทับตามของห้างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้สลักหลังนำมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อถึงกำหนดโจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ขอบังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าว

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายเช็คพิพาทเมื่อพ้นตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการขอห้างจำเลยที่ 1 ไปก่อนแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็ค

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 พ้นจากตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ไปตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2522 แล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าขณะสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำเลยที่ 2 ยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1อยู่หรือไม่ ตัวโจทก์เบิกความเพียงว่าไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 เปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยที่ 1 นำสืบว่าจำเลยที่ 2 พ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ไปก่อนแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2522 ส่วนเช็คพิพาทสั่งจ่ายภายหลังในวันที่ 12พฤศจิกายน 2524 มีผลเท่ากับขณะออกเช็คพิพาทผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1ไม่ได้ลงชื่อสั่งจ่ายในเช็คพิพาท จำเลยที่ 1 ไม่จำต้องรับผิดตามเช็คพิพาทต่อโจทก์

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1

Share