คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3209/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันทำรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกของโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 อันเป็นเท็จ เพื่อดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร การจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งจึงเป็นโมฆะ ทำให้การจัดประชุมใหญ่ควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งเข้าด้วยกันเป็นจำเลยที่ 4 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2549 ย่อมตกเป็นโมฆะไปด้วย ที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องขอเพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกทั้งสองครั้งดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการฟ้องขอเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่บริษัทอันผิดระเบียบตาม ป.พ.พ. มาตรา 1195 และมิใช่การประชุมใหญ่ตามความหมายของกฎกระทรวงว่าด้วยการขอจดทะเบียนจัดตั้ง การบริหาร การควบ และการยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร พ.ศ.2545 ข้อ 15 โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงไม่อยู่ในบังคับของ ป.พ.พ. มาตรา 1195 และข้อบังคับของจำเลยที่ 4 ข้อ 55 ที่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนมติในการประชุมที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติแต่ละครั้งและก็มิใช่เป็นกรณีที่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเป็นฝ่ายฟ้องคดีแทนสมาชิกเกี่ยวกับกรณีที่กระทบสิทธิหรือประโยชน์ของสมาชิกตั้งแต่ 10 รายขึ้นไป ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 4 ข้อ 5.4 ที่ต้องมีมติที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกโครงการหมู่บ้านจัดสรรอนุญาตให้ฟ้องคดี โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสี่
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดนำสืบว่า มีการปลอมลายมือชื่อสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรที่ลงมติในการประชุมดังกล่าวโดยไม่ชอบ และการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการ แต่กลับมีการจัดประชุมร่วมกันทั้งสี่โครงการ ไม่ได้มีการแยกประชุมสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการตามกฎหมาย การประชุมใหญ่ดังกล่าวจึงไม่ชอบ ดังนี้ รายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. 1 ถึง 4 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิกถอนเฉพาะรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. 3 นั้น ไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดไม่ได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. 1, 2 และ4 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 142 (5) และต่อมาจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จัดให้มีการประชุมใหญ่สมาชิกหมู่บ้านจัดสรรเพื่อควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. 1 ถึง 4 เข้าด้วยกันเป็นจำเลยที่ 4 จึงไม่ชอบ จำเลยที่ 4 จึงไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ที่โจทก์มีคำขอท้ายคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. จำเลยที่ 4 หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ดำเนินการ ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 แทนนั้น ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. จำเลยที่ 4 ด้วย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. จำเลยที่ 4 ได้
คดีเดิมที่จำเลยที่ 4 ฟ้องโจทก์บางคนต่อศาลแขวงธนบุรีนั้น เป็นการฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระ แต่คดีนี้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องขอให้เพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. 1 ถึง 4 และรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. 1 ถึง 4 เป็นจำเลยที่ 4 ประเด็นข้อพิพาทในคดีเดิมกับคดีนี้จึงต่างกัน ฟ้องโจทก์ทั้งสิบเอ็ดคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีเดิมดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) จำเลยที่ 4 หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ดำเนินการ ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เพื่อนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) จำเลยที่ 4 และหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) กับขอให้เพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 และรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกครั้งแรกหลังจดทะเบียนนิติบุคคลในวันที่ 8 มกราคม 2549 ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) และห้ามจำเลยทั้งสี่ตลอดจนบุคคลทั่วไปใช้หรือนำมาอ้างอิงใดๆ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเพียงผู้ดำเนินการประชุมเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 เท่านั้น โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่เคยอ้างตนเป็นกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) การประชุมเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2549 มีมติให้ควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เป็นไปตามมติของสมาชิกในหมู่บ้านและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 3 (บางแวก) ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 และรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกครั้งแรกหลังจดทะเบียนนิติบุคคลในวันที่ 8 มกราคม 2549 ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 ค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์และจำเลยที่ 4 ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนโจทก์ทั้งสิบเอ็ด
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่เป็นข้อแรกว่า โจทก์ทั้งสิบเอ็ดมีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ทั้งสิบเอ็ดนำสืบว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตัวแทนของบริษัทควอลิตี้ พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบอาชีพรับจ้างบริหารนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 จัดประชุมสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) ทั้งสี่โครงการ ตามใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน โดยมิได้แยกแต่ละหมู่บ้านจัดสรรตามโครงการการขออนุญาตจัดสรรตามกฎหมายเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และจำเลยทั้งสามได้ส่งหนังสือเชิญประชุมไปยังสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรไม่ครบถ้วนตามจำนวนรายชื่อสมาชิกทำให้ในวันนัดประชุมสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรมีผู้เข้าร่วมประชุมลงมติจำนวนน้อย ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ จึงไม่อาจลงมติให้จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้ ซึ่งในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรต้องมีการแยกจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเป็นจำนวน 4 โครงการ ไม่อาจจดทะเบียนรวมได้ มีผลให้ในการประชุมไม่อาจจัดประชุมได้และผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะให้จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเพราะต้องการรอให้ทางโครงการหมู่บ้านจัดสรรดำเนินการซ่อมแซมและจัดการระบบสาธารณูปโภคโครงการให้เรียบร้อยก่อน จึงยุติการประชุมโดยไม่มีการลงมติ ต่อมาภายหลังโจทก์ทั้งสิบเอ็ดทราบว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ร่วมกันทำรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกของโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการว่าสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการแต่ละโครงการมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และต่อมาจำเลยที่ 3 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรจำเลยที่ 4 หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้แสวงหาผลประโยชน์โดยกำหนดเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลางจากสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการโดยมิได้รับความเห็นชอบจากผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร โจทก์ทั้งสิบเอ็ดได้โต้แย้งคัดค้านว่าการจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียน แต่จำเลยทั้งสี่เพิกเฉย การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงทำให้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดได้รับความเสียหาย เห็นว่า ตามทางนำสืบของโจทก์ทั้งสิบเอ็ดดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสิบเอ็ดแล้ว และคดีนี้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันทำรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกของโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 อันเป็นเท็จเพื่อดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร การจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งจึงเป็นโมฆะ ทำให้การจัดประชุมใหญ่ควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งเข้าด้วยกันเป็นจำเลยที่ 4 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2549 ย่อมตกเป็นโมฆะไปด้วย ที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดมาฟ้องขอเพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกทั้งสองครั้งดังกล่าวก็มิใช่เป็นการฟ้องขอเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่บริษัทอันผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 เพราะโจทก์ทั้งสิบเอ็ดกล่าวอ้างว่าการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งไม่ชอบ การควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งเป็นจำเลยที่ 4 จึงไม่ชอบไปด้วย นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรที่จัดตั้งขึ้นยังไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล การประชุมใหญ่ของสมาชิกโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการทั้งสองครั้งดังกล่าว จึงมิใช่การประชุมใหญ่ตามความหมายของกฎกระทรวงว่าด้วยการขอจดทะเบียนจัดตั้ง การบริหาร การควบ และการยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร พ.ศ.2545 ข้อ 15 โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 และข้อบังคับของจำเลยที่ 4 ที่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนมติในการประชุมที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติแต่ละครั้งนอกจากนี้การที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดกล่าวอ้างว่าการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย การควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่แห่งเป็นจำเลยที่ 4 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย ที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดมาฟ้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ทั้งสองครั้งดังกล่าวก็มิใช่กรณีที่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเป็นฝ่ายฟ้องคดีแทนสมาชิกเกี่ยวกับกรณีที่กระทบสิทธิหรือประโยชน์ของสมาชิกตั้งแต่ 10 ราย ขึ้นไปตามข้อบังคับของจำเลยที่ 4 ข้อ 5.4 ซึ่งต้องมีมติที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกโครงการหมู่บ้านจัดสรรอนุญาตให้ฟ้องคดี จึงจะฟ้องคดีได้ดังจำเลยที่ 4 ฎีกา โจทก์ทั้งสิบเอ็ดจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้ ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ว่า การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) และการควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) จำเลยที่ 4 เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์ทั้งสิบเอ็ดนำสืบว่า การประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 เพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรมิได้จัดประชุมสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการแยกประชุมแต่ละหมู่บ้านจัดสรรตามโครงการการขออนุญาตจัดสรรตามกฎหมาย ทั้งจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ส่งหนังสือเชิญประชุมไปยังสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรไม่ครบถ้วน ทำให้ในวันนัดประชุมมีสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรเข้าร่วมประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ และมีการปลอมลายมือชื่อสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรที่เข้าร่วมประชุมและลงมติ ต่อมาโจทก์ทั้งสิบเอ็ดทราบว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ร่วมกันทำรายงานการประชุมใหญ่ของสมาชิกของโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการ ตามใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดินว่า สมาชิกหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ทั้งสี่โครงการแต่ละโครงการมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมเกินกึ่งหนึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการได้ ตามรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 3 (บางแวก) ส่วนที่ระบายสีส้มและสีเหลืองที่ระบุว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนมีจำนวนทั้งสิ้น 217 เสียง มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 131 เสียง เป็นสมาชิกมาเองจำนวน 116 เสียง ผู้รับมอบฉันทะจำนวน 15 เสียงและมีผู้ลงมติเห็นด้วยจำนวน 125 เสียง ไม่เห็นด้วยจำนวน 6 เสียง และที่ประชุมมีมติรับรองเห็นชอบด้วยกับข้อบังคับของหมู่บ้านจัดสรรทั้งสี่โครงการและได้แต่งตั้งบริษัทควอลิตี้ พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรของหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ซึ่งเป็นความเท็จ โจทก์ทั้งสิบเอ็ดนำสืบอีกว่า จากเสียงผู้ลงมติเห็นชอบจำนวน 115 เสียง มีการปลอมลายมือชื่อ นับเสียงซ้ำซ้อน และมีผู้ไม่มีสิทธิลงคะแนนรวมจำนวนประมาณ 50 เสียง มติเห็นชอบจึงมีไม่ถึงจำนวน 100 เสียง ทำให้มีมติเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ความจริงแล้วในการประชุมมิได้มีการประชุมสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการตามใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน และมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบกึ่งหนึ่งของสมาชิกผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินในหมู่บ้านจัดสรรทั้งหมด และมิได้มีการลงมติเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ แต่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ร่วมกันนำรายงานการประชุมอันเป็นเท็จและแบบลงทะเบียนของผู้เข้าร่วมประชุม และเอกสารประกอบอื่นๆ ไปยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรจำนวน 4 แห่ง ตามใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดินทั้งสี่โครงการ โดยโจทก์ทั้งสิบเอ็ดมีนายวิทูร นางนุชดี นายมนูญ นายพิสิน นายธนเดชหรือสมชาย นายบุญนะ นางสาวชญาณ์นันท์ หรือนางสาวศิวพร นางสาวสุจิตร์ นางประไพ นางสาวไข่มุกด์ นายคำนึง นางปราณี นางอุทัยวรรณ นางขจีนาฎล นางสาวธนัชพร นายประวิทย์ นายบุญชัย นายสมชาย โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 มาเบิกความยืนยัน กับมีโจทก์ที่ 2 มีหนังสือยืนยันมายังศาลตามหนังสือว่า พยานทั้งหมดถูกปลอมลายมือชื่อ ความจริงแล้วในวันที่ 6มีนาคม 2548 พยานทั้งหมดไม่ได้เข้าร่วมประชุมและโจทก์ที่ 2 ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตหนองแขมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง อีกทั้งพยานบางรายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลศาลาแดงเพื่อดำเนินคดี ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อปรากฏว่าเป็นลายมือชื่อปลอม ส่วนนางวิภาดาได้มีหนังสือยืนยันต่อศาล ว่าพยานได้ลงลายมือชื่อในแบบลงทะเบียนถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีผู้ลงคะแนนเสียงบางคนเป็นผู้ที่ไม่มีชื่อในที่ดินของโครงการ ไม่มีใบมอบฉันทะผู้ที่ขายที่ดินไปก่อนการประชุมและผู้ที่ใช้สิทธิลงมติ 2 ครั้ง จำเลยทั้งสี่มิได้นำสืบหักล้างเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดนำสืบว่ามีผู้ปลอมลายมือชื่อลงมติและผู้ที่ลงมติโดยไม่ชอบในการประชุมจริง ทั้งการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการ แต่กลับมีการจัดประชุมร่วมกันทั้งสี่โครงการ มิได้มีการแยกประชุมสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการตามกฎหมาย การประชุมใหญ่ดังกล่าวจึงไม่ชอบ ดังนี้ รายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิกถอนเฉพาะรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 3 (บางแวก) นั้น ไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดไม่ได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1, 2 และ 4 (บางแวก) ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 142 (5) และต่อมาจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สมาชิกหมู่บ้านจัดสรรเพื่อควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เข้าด้วยกันเป็นจำเลยที่ 4 จึงย่อมไม่ชอบตามไปด้วย จำเลยที่ 4 จึงไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ที่โจทก์มีคำขอท้ายคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) จำเลยที่ 4 หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ดำเนินการขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 แทนนั้น ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก)จำเลยที่ 4 ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) จำเลยที่ 4 ได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อสุดท้ายตามฎีกาของจำเลยที่ 4 ว่า โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีที่จำเลยที่ 4 ฟ้องโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 โจทก์ที่ 10 และที่ 11 หรือไม่ นายสมชายผู้รับมอบอำนาจจำเลยที่ 4 เบิกความว่า จำเลยที่ 4 เคยฟ้องโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 โจทก์ที่ 10 และที่ 11 เป็นจำเลยต่อศาลแขวงที่มีเขตอำนาจ ซึ่งศาลในแต่ละคดีดังกล่าวได้พิพากษาแล้ว ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมคดีดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 7 และที่ 10 ถึงที่สุดแล้วโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ซึ่งโจทก์ที่ 6 และที่ 10 ยอมรับในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยที่ 4 มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ที่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดมาฟ้องคดีนี้เนื่องจากโจทก์ที่ 1 ถูกจำเลยที่ 4 ฟ้องเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่อศาลแขวงธนบุรี เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 และนายสุกรรณ สามีรวบรวมผู้ที่ถูกจำเลยที่ 4 ฟ้องเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลางหลายราย มีหนังสือไปถึงสมาชิกผู้พักอาศัยมิให้ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและจัดทำเอกสารร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ เห็นว่า คดีเดิมที่จำเลยที่ 4 ฟ้องโจทก์บางคนต่อศาลแขวงธนบุรีนั้น เป็นการฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระ แต่คดีนี้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดฟ้องขอให้เพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ที่ประชุมเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 และรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกครั้งแรกหลังจดทะเบียนนิติบุคคลในวันที่ 8 มกราคม 2549 ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เพื่อควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เป็นจำเลยที่ 4 ประเด็นข้อพิพาทในคดีเดิมกับคดีนี้จึงต่างกัน ฟ้องโจทก์ทั้งสิบเอ็ดในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีเดิมที่จำเลยที่ 4 เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์บางคนในคดีนี้ ฎีกาของจำเลยที่ 4 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ลงวันที่ 6 มีนาคม 2548 และรายงานการประชุมใหญ่สมาชิกครั้งแรกหลังจดทะเบียนนิติบุคคลในวันที่ 8 มกราคม 2549 ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) ที่ให้ควบรวมนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ 1 ถึง 4 (บางแวก) เป็นจำเลยที่ 4 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรชัยพฤกษ์ (บางแวก) จำเลยที่ 4 ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์ทั้งสิบเอ็ด โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท

Share