คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3206/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การต่อสู้เพียงว่า นายแสงชัยนายไชยยงค์ และนายเจริญ จะเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่ เพียงใด จำเลยไม่รับรองและบุคคลทั้งสามจะมีความสามารถสมบูรณ์ตามกฎหมายเพียงใดหรือไม่ขณะที่ทำหนังสือมอบอำนาจจำเลยไม่ทราบ ลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจในช่องผู้มอบอำนาจ ไม่ใช่ลายมือชื่ออันแท้จริงของผู้มอบอำนาจ เป็นลายมือปลอม ตราประทับก็เป็นตราปลอมเท่านั้น คำให้การดังกล่าวในตอนแรกที่ว่ากรรมการของโจทก์ทั้งสามจะมีอำนาจกระทำแทนโจทก์หรือไม่เพียงใด จำเลยไม่รับรองนั้น เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งถือว่าไม่ได้ทำการปฏิเสธจึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่านายแสงชัยนายไชยยงค์ และนายเจริญ เป็นกรรมการ ซึ่งกรรมการ 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการดังกล่าวลงชื่อร่วมกันและประทับตราของบริษัทโจทก์มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ตามฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยในปัญหาว่านายแสงชัยกรรมการคนหนึ่งในจำนวนสองคนของโจทก์ที่ได้ลงชื่อร่วมกันมอบอำนาจให้นายจิรัฐฟ้องคดีนี้ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการโจทก์แล้วหรือไม่จึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค 3ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โจทก์มอบอำนาจให้นายจิรัฐ เป็นผู้ดำเนินคดีแทน จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ 2 ครั้ง และจำเลยได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์3 ฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,522,657.53 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นายแสงชัย นายไชยยงค์ และนายเจริญเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่ เพียงใดจำเลยไม่รับรองบุคคลทั้งสามจะมีความสามารถสมบูรณ์ตามกฎหมายเพียงใดหรือไม่ ในขณะที่ทำหนังสือมอบอำนาจจำเลยไม่ทราบบุคคลทั้งสามคนใดคนหนึ่งอาจเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ หรือไร้ความสามารถหรือถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายในขณะทำหนังสือมอบอำนาจ ลายมือชื่อของนายแสงชัยและนายไชยยงค์ในหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือปลอม และตราประทับของบริษัทโจทก์ก็เป็นตราประทับปลอมมิใช่ของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนไว้กับนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท จังหวัดสงขลา หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องของโจทก์จึงไม่มีผลบังคับสมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยกู้เงินจากโจทก์ กับมิได้ออกเช็ค 3 ฉบับดังกล่าวเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แต่นายแสงชัยลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทโจทก์แล้ว นายแสงชัยลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจภายหลังยื่นหนังสือลาออก หนังสือมอบอำนาจจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนายจิรัฐจึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,350,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมจึงยุติลงในศาลชั้นต้น และเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ และที่จำเลยฎีกาว่า นายแสงชัย กรรมการคนหนึ่งในจำนวนกรรมการ 2 คนของโจทก์ที่ลงชื่อร่วมกันมอบอำนาจให้นายจิรัฐฟ้องคดีนี้ไม่มีอำนาจเพราะได้ลาออกจากการเป็นกรรมการของโจทก์แล้วนั้น เห็นว่าปัญหานี้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้เพียงว่านายแสงชัย นายไชยยงค์ และนายเจริญ จะเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่เพียงใด จำเลยไม่รับรอง และบุคคลทั้งสามจะมีความสามารถสมบูรณ์ตามกฎหมายเพียงใดหรือไม่ขณะที่ทำหนังสือมอบอำนาจ จำเลยไม่ทราบ ลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจในช่องผู้มอบอำนาจไม่ใช่ลายมืออันแท้จริงของผู้มอบอำนาจ เป็นลายมือปลอมตราประทับก็เป็นตราปลอมเท่านั้นคำให้การของจำเลยในตอนแรกที่ว่ากรรมการของโจทก์ทั้งสามจะมีอำนาจกระทำแทนโจทก์หรือไม่เพียงใด จำเลยไม่รับรองนั้นเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ถือว่าไม่ได้ให้การปฏิเสธจึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่านายแสงชัย นายไชยยงค์ และนายเจริญ เป็นกรรมการซึ่งกรรมการ 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการดังกล่าวลงชื่อร่วมกันและประทับตราของบริษัทโจทก์มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไปวินิจฉัยในปัญหาว่านายแสงชัยกรรมการคนหนึ่งในจำนวนสองคนของโจทก์ที่ได้ลงชื่อร่วมกันมอบอำนาจให้นายจิรัฐฟ้องคดีนี้ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการโจทก์แล้วหรือไม่จึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาจำเลยข้อนี้เช่นกันข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าโจทก์โดยนายแสงชัย และนายไชยยงค์ กรรมการโจทก์มอบอำนาจให้นายจิรัฐฟ้องคดีนี้โดยชอบ
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยจะต้องใช้เงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์หรือไม่เพียงใด ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็ค เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ จึงต้องรับผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share