แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกอีก 5 คนร่วมกันจับเอาตัวผู้ตายไป เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ระหว่างผู้ตายถูกพวกของจำเลยควบคุมตัวไว้เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น พวกของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ฆ่าผู้ตายเพราะเหตุที่ผู้ตายไม่ยอมเขียนจดหมาย เพื่อให้บุตรผู้ตายนำเงินมาไถ่ตัว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้รู้เห็นในการฆ่าด้วย ก็ต้องถือว่าเนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้นเองเป็นเหตุให้ ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคท้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2519 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองกับพวกที่ถูกเจ้าพนักงานยิงตายไปแล้ว 2 คน และที่หลบหนีอีก 3 คน รวมทั้งหมด7 คน เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ได้ร่วมกันโดยไตร่ตรองไว้ก่อนวางแผนบังอาจจับเอาตัวนายหยุ่นหลินหรือสุข อายุกว่าสามสิบปีไป โดยใช้ปืนมีดเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าจะยิงแทงประทุษร้ายร่างกายนายหยุ่นหลินหรือสุขให้ตายถ้าขัดขืน จนนายหยุ่นหลินหรือสุขมีความกลัวจากการกระทำของจำเลยและพวก แล้วจำเลยกับพวกได้ฉุดกระชากเอาตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขไป ระหว่างวันที่ 10ตุลาคม 2519 เวลากลางวันติดต่อกันตลอดมาถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2519เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวได้หน่วงเหนี่ยวกักขังนายหยุ่นหลินหรือสุขโดยใช้โซ่ล่ามทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เพื่อเรียกค่าไถ่จากนางกาญจนาบุตรนายหยุ่นหลิน ระหว่างวันเวลาดังกล่าวจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันเขียนจดหมายติดต่อนางกาญจนาเรียกค่าไถ่ตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ถ้าได้เงินค่าไถ่จะปล่อยตัวนายหยุ่นหลินหรือสุข แต่นางกาญจนาไม่ยอมให้ค่าไถ่แก่จำเลยทั้งสองกับพวกตามที่เรียกร้อง วันที่ 24ตุลาคม 2519 เวลากลางวันพวกของจำเลยซึ่งถูกเจ้าพนักงานยิงตายไปแล้วและที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายหยุ่นหลินหรือสุขโดยเจตนาฆ่าจนนายหยุ่นหลินหรือสุขได้ถึงแก่ความตายเนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองที่ร่วมกันพาเอาตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขไป และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนายหยุ่นหลินหรือสุขเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ เหตุเกิดที่ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย ตำบลบ้านไร่และตำบลนาขุนไกร อำเภอศรีสำโรงจังหวัดสุโขทัยเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309,310, 313, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 11 ขอให้ริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 กระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่ขณะที่นายหยุ่นหลินหรือสุขถูกฆ่านั้นจำเลยที่ 2 มิได้อยู่ที่เกิดเหตุด้วย และจำเลยที่ 2มิได้เจตนาฆ่าไม่ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลที่พวกของจำเลยได้ฆ่านายหยุ่นหลินหรือสุข และมิใช่เป็นผลธรรมดาที่เกิดขึ้นได้อันจะทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษหนักขึ้น ส่วนพยานโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1มีข้อสงสัยควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 พิพากษาว่าจำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310, 313, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 10 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด วางโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 18 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด12 ปี ของกลางริบ ยกฟ้องจำเลยที่ 1
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำผิดตามฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกับพวกไปจับตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขนำขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่ และนำไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง นับว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองร่วมกับพวกกระทำผิดสำเร็จแล้ว การที่ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษหนักขึ้นจึงย่อมเป็นผลที่ธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้ ดังเช่นกรณีนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสองไม่รู้เห็นในการที่นายหยุ่นหลินหรือสุข ถูกพวกของจำเลยฆ่าก็ตาม ย่อมนับเป็นเหตุที่ทำให้นายหยุ่นหลินหรือสุขต้องถึงแก่ความตาย ซึ่งสืบเนื่องมาจากการกระทำของจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกไปจับตัวนายหยุ่นหลินหรือสุข เพื่อเรียกค่าไถ่โดยตรง จำเลยทั้งสองจึงต้องรับโทษหนักขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 63 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310, 313, 13ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ข้อ 11การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคท้ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 และที่ 2 แต่มีเหตุบรรเทาโทษเพราะจำเลยทั้งสองรับสารภาพในชั้นสอบสวน ลดโทษให้ 1 ใน 3ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(1) ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกจับเอาตัวของนายหยุ่นหลินหรือสุขไปเพื่อเรียกเอาค่าไถ่และได้หน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อรอเรียกเอาค่าไถ่ ระหว่างนั้นพวกของจำเลยได้ฆ่านายหยุ่นหลินหรือสุขเพราะเหตุที่นายหยุ่นหลินหรือสุขไม่ยอมเขียนจดหมายถึงบุตรสาวเพื่อให้นำเงินมาไถ่ โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยในขณะที่พวกของจำเลยทำการฆ่า
วินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองนี้เป็นเหตุให้นายหยุ่นหลินหรือสุขถึงแก่ความตายเพราะถูกพวกของจำเลยฆ่าจำเลยทั้งสองต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคท้าย
พิพากษายืน