แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่าสิบปีจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382 โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทรู้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้วแต่ก็ยังซื้อจึงถือได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยไม่สุจริตจำเลยย่อมยกเอาการได้มาซึ่งที่พิพาทที่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ 142 ตารางวา จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดิน 72 ตารางวา เมื่อมีการทำแผนที่พิพาทโดยคู่ความต่างนำชี้ปรากฏว่าจำเลยนำชี้ตามแนวเขตที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเนื้อที่ 147 ตารางวา และคู่ความทั้งสองฝ่ายได้รับรองแผนที่นั้นแล้วจึงต้องถือว่าโจทก์จำเลยพิพาทกัน 147 ตารางวา
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่ หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าวและโจทก์ก็ได้นำพยานเข้าสืบแล้วหาทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1411 เนื้อที่ 1 ไร่ 60 ตารางวา โดยซื้อมาจากนายเฮงและนางเริ่มจดทะเบียนซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 12พฤษภาคม 2518 ต่อมาโจทก์ได้นำช่างรังวัดไปทำการรังวัดที่ดิน ปรากฏว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้เป็นเนื้อที่ 142 ตารางวาขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 72 ตารางวา โดยครอบครองสืบต่อจากนางอ่างผู้เป็นมารดาเป็นเวลา 70 ปีแล้วได้ปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัย ปลูกพืชผลไม้โดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เมื่อปี พ.ศ. 2498 จำเลยแจ้งการครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ดินของนายเฮงและนางเริ่มอยู่ทางทิศเหนือของที่ดินจำเลยมีอาณาเขตติดต่อกัน เมื่อประมาณสองปีเศษก่อนโจทก์ฟ้อง นายเฮงนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดินชี้เขตล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย จำเลยคัดค้านหากโจทก์ซื้อที่ดินจากนายเฮงและนางเริ่มจริงก็ซื้อโดยสมยอมและโดยไม่สุจริตเพราะโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยครอบครองและปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เชื่อว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่าสิบปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และเชื่อว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1411 จนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้ว แต่โจทก์ก็ยังซื้อที่ดินโฉนดดังกล่าว กรณีเช่นนี้จะถือว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหาได้ไม่ จำเลยย่อมยกเอาการได้มาซึ่งที่พิพาทที่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
ข้อที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ 142 ตารางวา จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดิน 72 ตารางวา แต่เมื่อมีการทำแผนที่พิพาทโดยคู่ความต่างนำชี้กันแล้ว ปรากฏว่าจำเลยนำชี้ตามเส้นหมายสีเขียวซึ่งเป็นแนวเขตที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเนื้อที่ 147 ตารางวา และคู่ความทั้งสองฝ่ายได้รับรองแผนที่นั้นแล้ว จึงต้องถือว่าโจทก์จำเลยพิพาทกัน 147 ตารางวา
ข้อที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วอีกประเด็นหนึ่งว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าว และโจทก์ก็ได้นำพยานเข้าสืบแล้ว หาทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดไม่
พิพากษายืน