คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยลักลอบเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหายโดยมิได้มีการนัดหมายกับนางสาวส. บุตรผู้เสียหาย แม้จำเลยจะเคยได้เสียกับนางสาวส.มาก่อน แต่ก็ได้เลิกติดต่อกันมา 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ ดังนี้การที่จำเลยถอดบานมุ้งลวดแล้วปีนเข้าไปในห้องนอนของนางสาวส.กับรื้อค้นสิ่งของภายในห้องนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายแล้ว กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าไปโดยถือวิสาสะ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362,365(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 335,362, 365(3) จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365(3) ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุก 8 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับข้อหาพยายามลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ไม่อุทธรณ์ ข้อหานี้จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงมีปัญหาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานบุกรุกหรือไม่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2527เวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยได้เข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของนายสุวิทย์ ภู่ริยะพันธ์ ผู้เสียหาย การที่จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายและไปอยู่ในห้องนอนของนางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์บุตรของผู้เสียหายนี้ ได้ความจากนายวิสุทธิ์ภู่ริยะพันธ์ว่า เมื่อได้ยินเสียงคล้ายคนงัดสิ่งของจึงได้ลงมาดูที่ห้องของนางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์พบมุ้งลวดสี่เหลี่ยมเหนือประตูถูกงัดออก และวางกองอยู่ที่หน้าห้อง เมื่อปีนขึ้นดูทางช่องมุ้งลวดนี้เห็นจำเลยยืนอยู่ในห้อง ผ้าคลุมเตียงอยู่ในสภาพถูกรื้อค้นและไม่ได้เปิดไฟ เมื่อนายวิสุทธิ์บอกเพื่อนบ้านให้โทรศัพท์แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจ แล้วได้ไปบอกผู้เสียหายซึ่งอยู่ห่างบ้านประมาณ 200 เมตร ผู้เสียหายกับสิบตำรวจโทสมัย ซินสีห์ได้เห็นมุ้งลวดถูกงัดออกและมีร่องรอยการรื้อค้นในห้องนั้น หลังจากจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้แล้ว ร้อยตำรวจโทวันชัย ทองแผ่นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าวได้ถ่ายภาพช่องลมที่ถูกถอดออก ตามภาพที่ 2 ของภาพถ่ายหมาย จ.3 โดยมีข้อความบันทึกไว้ว่าผู้ต้องหาเปิดมุ้งลวดตรงประตูแล้วปีนเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุและจำเลยได้ลงชื่อไว้ด้วย ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้งัดมุ้งลวดเหนือประตูห้องของนางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์แล้วปีนเข้าไปในห้องโดยช่องทางนี้ และแม้นางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์จะเคยได้เสียกับจำเลยมาก่อนดังที่นางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์เบิกความก็ตามนางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์ยืนยันว่าได้เลิกติดต่อกับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุถึง 2 เดือน และไม่เคยนัดหมายให้จำเลยมาพบอีกซึ่งจำเลยนำสืบรับว่า จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายโดยมิได้มีการนัดหมายจริง การที่จำเลยลักลอบเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับถอดมุ้งลวดแล้วปีนเข้าไปในห้องนอนของนางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์กับรื้อค้นสิ่งของภายในห้องนั้น ครั้นเมื่อทราบว่ามีผู้รู้เห็น จำเลยได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้าจนเจ้าพนักงานตำรวจกับผู้เสียหายจับจำเลยได้เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายแล้วกรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าไปโดยถือวิสาสะ ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362, 365(2) ตามที่โจทก์ฟ้อง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่เมื่อคำนึงถึงอายุและการศึกษาของจำเลยประกอบความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับนางสาวสุรางค์รัตน์หรือสุรางรัตน์บุตรผู้เสียหายซึ่งมีอยู่ต่อกันอย่างสนิทและใกล้ชิดกันเป็นเวลานาน กรณีมีเหตุอันควรให้โอกาสจำเลยโดยรอการลงโทษให้แต่สมควรลงโทษปรับด้วยอีกสถานหนึ่ง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365(3) ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุก 8 เดือน ปรับ2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี

Share