คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาท จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้สละการครอบครองให้บุตรีโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองแล้ว ก็ถือได้ว่าทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ได้ครอบครองเป็นเจ้าของด้วยความสงบและเปิดเผยตลอดมา โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่ออำเภอขอยกที่พิพาทและที่นอกพิพาทให้บุตรีโจทก์ จำเลยทั้งสองคัดค้านอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ เป็นการเถียงสิทธิโจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยเป็นเวลา ๑๐ ปีแล้ว จำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทโดยเจตนาเป็นเจ้าของโดยความสงบและเปิดเผยตลอดมา โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาทแต่ประการใด ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า โจทก์สละการครอบครองโดยขายให้จำเลยมา ๑๐ ปีแล้ว จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ที่พิพาททางซีตะวันออกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย โจทก์นำพนักงานมารังวัดรุกล้ำเข้ามาในเขตที่ของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่พิพาททางด้านตะวันออกซึ่งแรสีดำไว้จำเลยที่ ๒ มีสิทธิครอบครอง และที่พิพาทส่วนนางเยาะจำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ขายให้แก่จำเลยที่ ๑ จริง ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทจำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ได้สละการครอบครองที่พิพาทให้แก่บุตรีโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองแล้ว จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์ แม้ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยมีความเห็นไปคนละอย่างก็ดี แต่ก็ถือได้ว่าทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาท และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ คดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘
ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็นว่าโจทก์ได้สละการครอบครองที่พิพาทให้แก่บุตรีโจทก์ โจทก์จะขอให้ศาลแสดงว่ายังเป็นที่ของโจทก์อยู่อีกหาได้ไม่นั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาท ฎีกาข้อนี้ของโจทก์จึงไม่มีสาระสำคัญที่จะสนับสนุนให้โจทก์ชนะคดีได้
พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share