คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3199/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์และผู้รับประกันภัยรายอื่นรวม 12 ราย ตกลงเข้ารับประกันภัยการขนส่งร่วมกัน โดยระบุชื่อและกำหนดสัดส่วนความรับผิดชอบของแต่ละคนไว้แน่นอน โดยมุ่งหวังแบ่งปันกำไรอันพึงได้ตามสัดส่วนดังกล่าว ย่อมเข้าลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดเพื่อประโยชน์แก่ผู้รับประกันภัยรายอื่นซึ่งเป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับประกันภัยรายอื่นจะทำหนังสือมอบสิทธิของตนให้แก่โจทก์หรือไม่
จำเลยที่ 4 มีหน้าที่ตามกฎหมายจะต้องดูแลและรับผิดชอบสินค้าที่ถูกขนส่งทางเรือและถูกขนถ่ายลงจากเรือมาที่หน้าท่า การขนถ่ายเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าจากบริเวณหน้าท่าไปยังโรงพักสินค้า ย่อมเป็นกระบวนการซึ่งอยู่ในหน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยที่ 4 ด้วย แม้การขนย้ายตู้สินค้ารายนี้จะกระทำโดยรถบรรทุกที่จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดหามา แต่ก็โดยการอนุญาตของจำเลยที่ 4 การดำเนินการของจำเลยที่ 3 จึงเท่ากับเป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 ในฐานะตัวการจึงต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับการกระทำของตนเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้เงิน 1,262,545.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การมีใจความทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้รับประกันภัยสินค้าพิพาท และโจทก์ไม่เคยจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัย จึงไม่ได้รับช่วงสิทธิมา เรือรัฐภูมิได้ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวมาถึงท่าปลายทางและส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 4 ในสภาพเรียบร้อย จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ หากสินค้าเสียหายจริง ผู้ขนส่งรับผิดไม่เกิน 10,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 4 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 3เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์เครื่องมือตลอดจนบุคคลมาขนถ่ายสินค้า และใช้รถยนต์ลากพ่วงเคลื่อนย้ายไปเก็บไว้ที่ลานเก็บตู้สินค้าของจำเลยที่ 4 โดยมีพนักงานของจำเลยที่ 4ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 3 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 4ชำระเงินจำนวน 145,192.78 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยที่ 4 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ 2,500 บาท แทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3

โจทก์และจำเลยที่ 4 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”การที่โจทก์และผู้รับประกันภัยรายอื่นรวม 12 ราย ตกลงเข้ารับประกันภัยการขนส่งสินค้าตามฟ้องร่วมกันโดยระบุชื่อและกำหนดสัดส่วนความรับผิดชอบของแต่ละคนไว้แน่นอน โดยมุ่งหวังแบ่งปันกำไรอันพึงได้ตามสัดส่วนดังกล่าวจากการรับประกันภัยรายนี้ ย่อมเข้าลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 ซึ่งมาตรา 1033 ได้บัญญัติถึงความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเองไว้ว่า ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้ตกลงกันไว้ในกระบวนจัดการห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นได้ทุกคน ในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทุกคน ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดเพื่อประโยชน์แก่ผู้รับประกันภัยรายอื่นซึ่งเป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับประกันภัยรายอื่นจะทำหนังสือมอบสิทธิของตนให้แก่โจทก์หรือไม่ เมื่อปรากฏชื่อโจทก์ในกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.6 โจทก์ย่อมใช้สิทธิแทนผู้รับประกันภัยทุกคนมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ต้องรับผิดต่อความเสียหายของสินค้ารายนี้ได้เต็มจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ได้จ่ายแก่ผู้ซื้อไปจำนวน 1,262,545.96 บาท อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น

มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้าตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า จำเลยที่ 4 มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดูแลและรับผิดชอบสินค้าที่ถูกขนส่งทางเรือและถูกขนถ่ายลงจากเรือมาที่หน้าท่าโดยเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 4 ได้รับมอบไว้จนกว่าผู้รับตราส่งหรือผู้ที่มีสิทธิในสินค้ารายนี้มารับสินค้าไปจากจำเลยที่ 4 การขนถ่ายเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้ารายนี้จากบริเวณหน้าท่าไปยังโรงพักสินค้าซึ่งอยู่บริเวณของจำเลยที่ 4 ย่อมเป็นกระบวนการซึ่งอยู่ในหน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยที่ 4 แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ 4 ไม่คิดค่าธรรมเนียมของการฝากตู้คอนเทนเนอร์ใน 3 วันแรกที่สิ้นสุดการขนถ่ายสินค้าก็ไม่ทำให้ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในการดูแลรักษาตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่ตนได้รับมอบไว้แล้วหมดสิ้นหรือลดน้อยลงแต่อย่างใด นายคัมภีร์ พันธ์ทิพย์แพทย์พยานจำเลยที่ 4 เบิกความว่า โดยทั่วไปแล้ว การขนย้ายตู้สินค้าจากท่าเทียบเรือไปยังโรงพักสินค้าและการดูแลรักษาตู้สินค้าเป็นความรับผิดชอบของจำเลยที่ 4 และตามปกติต้องใช้รถยกและรถลากของจำเลยที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 4 จะไม่คิดค่าบริการการใช้รถยกและรถลากดังกล่าว สอดคล้องกับประกาศของจำเลยที่ 4 เรื่องกำหนดอัตราค่าภาระและค่าบริการของท่าเรือกรุงเทพ ในส่วนที่ 3 ค่าภาระตู้สินค้าตามเอกสารหมาย จ.33 ซึ่งได้กำหนดให้ค่าภาระการใช้ท่าของตู้สินค้าเป็นค่าใช้ท่าและเครื่องมือทุ่นแรงรวมถึงการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไปเก็บไว้ที่ลานเก็บตู้สินค้าด้วยเห็นได้ชัดว่าภาระหน้าที่ในการขนเคลื่อนย้ายตู้สินค้าจากบริเวณหน้าท่าไปยังโรงพักสินค้าเป็นของจำเลยที่ 4 แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้ารายนี้ถูกขนย้ายจากหน้าท่าเทียบเรือไปยังโรงพักสินค้าที่ 17 โดยรถบรรทุกที่จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดหามา ไม่ใช่รถยกหรือรถลากของจำเลยที่ 4 แต่ก็โดยการอนุญาตของจำเลยที่ 4 เนื่องจากรถที่จำเลยที่ 4 มีอยู่ไม่เพียงพอ การดำเนินการของจำเลยที่ 3 เท่ากับเป็นการกระทำในหน้าที่ของจำเลยที่ 4 แทนจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 ในฐานะตัวการจึงต้องรับผิดชอบในการกระทำของจำเลยที่ 3 เช่นเดียวกับการกระทำของตนเอง จำเลยที่ 4 ไม่อาจจะปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่า จำเลยที่ 4 ไม่มีอำนาจบังคับควบคุมและสั่งในการขนย้ายตู้สินค้ารายนี้ เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้ารายนี้เกิดตกหล่นจากรถบรรทุกในระหว่างการขนย้ายจากหน้าท่าไปยังโรงพักสินค้าที่ 17 ทำให้สินค้าได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 4 จึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบส่วนจำเลยที่ 3 เป็นเพียงตัวแทนและเป็นผู้จัดหารถบรรทุกมาทำหน้าที่แทนจำเลยที่ 4 จึงไม่จำต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4 ในความเสียหายของสินค้ารายนี้ต่อเจ้าของสินค้าแต่อย่างใด จำเลยที่ 4 จึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวน 1,262,545.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 4 ชำระเงินจำนวน 1,262,545.96 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share