คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบก็เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกพยานเอกสารที่โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยมิได้อ้างส่งให้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการอ้างโดยตรงหรืออ้างประกอบการสืบพยานบุคคลปากใดและจำเลยมิได้ชำระค่าอ้างเอกสารดังกล่าวทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายเอกสารไว้เป็นพยานจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัยฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ซึ่งบุตรผู้เยาว์ทั้งสองของโจทก์นั่งซ้อนท้ายมาเป็นเหตุให้ผู้เยาว์ทั้งสองได้รับอันตรายสาหัส ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เหตุรถชนกันมิได้เกิดจากความประมาทของจำเลย แต่เกิดจากความประมาทของนายสมคิดผู้ขังรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุที่ผู้เยาว์ทั้งสองซ้อนมา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่า ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาเอกสารที่จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกไปยังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินและสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินได้ส่งเอกสารดังกล่าวมาศาลชั้นต้นตามคำสั่งเรียกขึ้นมาประกอบการวินิจฉัยชี้ขาดโดยจำเลยมิได้อ้างส่งเอกสารดังกล่าวให้ถูกต้องตามวิธีพิจารณาไม่ว่าจะเป็นการอ้างโดยตรงหรืออ้างประกอบการสืบพยานบุคคลปากใดและจำเลยก็มิได้ชำระค่าอ้างเอกสารดังกล่าวอีกด้วยทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายเอกสารไว้เป็นพยานจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบก็เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีนี้ได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกพยานเอกสารที่โจทก์โต้แย้งขึ้นประกอบคำวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ ดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share