คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยให้แก่เจ้าหนี้ของจำเลยและจำเลยรับจะโอนที่พิพาทเป็นการตอบแทนโจทก์หรือไม่ ดังนี้การที่จำเลยอุทธรณ์ว่า สัญญาโอนที่พิพาทเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จะชำระราคาในวันจดทะเบียนโอนแต่โจทก์มิได้ขอชำระหนี้หรือนำเงินที่ต้องชำระแก่จำเลยไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ จำเลยจึงมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้น เป็นข้อที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น ทั้งมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2516 นายสุมล สีตลกาญจน์ ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้เป้นเงินหลายหมื่นบาท จำเลยขอให้โจทก์ชำระหนี้แทนและตกลงจะโอนที่ดินของจำเลย 4 แปลงแก่โจทก์โดยโจทก์ต้องชำระเงินแก่จำเลยอีกจำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์ได้ชำระหนี้แก่นายสุมล และชำระหนี้แก่จำเลยไปแล้วยังคงค้างชำระ8,000 บาท จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ 3 แปลง เหลืออีก 1 แปลงคือที่พิพาท จำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมโอนและไม่ยอมรับเงิน 8,000บาทจากโจทก์กลับเรียกค่าที่ดินพิพาทเพิ่มเป็นไร่ละ 10,000บาท ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ และให้จำเลยรับเงินค่าที่ดิน 8,000 บาทจากโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยชำระหนี้ให้แก่นายสุมลแทนจำเลย จำเลยเป็นผู้ชำระหนี้รายนี้เอง จำเลยไม่เคยตกลงจะโอนที่ดิน 4 แปลงให้โจทก์ โจทก์เคยซื้อที่ดิน 3 แปลงจากจำเลยและโอนกันเรียบร้อยแล้ว โจทก์ค้างชำระราคา 8,000 บาท หลังจากนั้นโจทก์ขอซื้อที่ดินพิพาทจำเลยตกลงขายให้ แต่โจทก์ไม่มีเงินชำระราคา โจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกการซื้อขายกันขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับเงิน 15,600 บาทจากโจทก์และโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีมีปัญหาชั้นฎีกาตามฎีกาจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยบางข้อชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 หรือไม่ คดีได้ความว่าจำเลยอุทธรณ์โดยยกปัญหาขึ้นโต้เถียงว่า จำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่ยอมโอนที่พิพาทให้โจทก์สัญญาโอนที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนโจทก์จะชำระราคาที่พิพาทเป็นเงิน 15,600 บาทให้จำเลยต่อเมื่อจดทะเบียนโอนแล้วและจะชำระเงินกันในวันจดทะเบียนแต่โจทก์กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปหนึ่งปีเศษนับแต่วันที่อาจจดทะเบียนโอนได้จนถึงวันฟ้องโดยโจทก์มิได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้หรือนำเงินที่จะต้องชำระให้จำเลยไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ จำเลยจึงมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่า ชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ประเด็นหนึ่งกับประเด็นว่า โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยให้แก่นายสุมลสีตลกาญจน์ และจำเลยรับจะโอนที่พิพาทเป็นการตอบแทนโจทก์หรือไม่อีกประเด็นหนึ่งเมื่อจำเลยยกปัญหาเรื่องจำเลยผิดสัญญาหรือไม่และโจทก์ขอปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นเรื่องนอกประเด็นทั้งมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอุทธรณ์ ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share