แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์จำเลยมีที่ดินแนวเขตติดต่อกัน โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อนายอำเภอ จำเลยคัดค้านอ้างว่าโจทก์ขอทับที่ดินจำเลย จำเลยเข้าไปเก็บมะพร้าวในที่พิพาทถูกโจทก์ดำเนินคดีอาญาหาว่าบุกรุกที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าต้นมะพร้าวอยู่ในที่ดินของจำเลย พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้น จำเลยยังมิได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนหนึ่งแปลงตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๑๒ เนื้อที่ ๖ ไร่เศษ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๖ ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมืองชุมพร โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาเกิน ๑๐ ปี เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๑๗ โจทก์ขอออก น.ส. ๓ ในที่ดินดังกล่าวแต่จำเลยคัดค้านว่าโจทก์นำรังวัดรุกล้ำที่ดินของจำเลย เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองชุมพรไม่สามารถออก น.ส. ๓ ให้โจทก์ได้ ขอให้พิพากษาว่าเป็นที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยถอนคำร้องคัดค้าน
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ของจำเลย มีต้นส้มโอและหลักไม้เป็นแนวเขต เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ โจทก์บุกรุกที่พิพาท จำเลยจึงฟ้องโจทก์ ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ จำเลยสอยเก็บผลมะพร้าวในที่พิพาท โจทก์หาว่าจำเลยลักทรัพย์ ผลที่สุดศาลพิพากษาว่ามะพร้าวเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมา อำนาจฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว เพราะโจทก์ฟ้องหลังจากถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า ๑ ปี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยถอนคำร้องคัดค้าน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีหลังจากถูกจำเลยแย่งหรือรบกวนการครอบครองเกินกว่า ๑ ปีแล้ว โจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์จำเลยมีที่ดินแนวเขตติดต่อกัน โจทก์ได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) ต่อนายอำเภอ แต่จำเลยได้คัดค้านอ้างว่าโจทก์ขอทับที่ดินจำเลย เมื่อจำเลยเข้าไปเก็บมะพร้าวในที่พิพาทถูกโจทก์ดำเนินคดีอาญาหาว่าบุกรุกที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าต้นมะพร้าวอยู่ในที่ดินของจำเลย พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้น จำเลยยังมิได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่พิพาท คดีนี้จึงมิใช่เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้
สำหรับปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย และโจทก์ก็มิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ด้วย จึงควรให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ในประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย