คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยหตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓, ๓๓ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๘๘ และฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๘๐, ๘๓, ๒๘๘ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตาม มาตรา ๘๓, ๒๘๘ จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิตและริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ส่วนปลอกกระสุนปืนของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดจึงให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อนโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้นำคนร้ายสองคนแต่งกายแบบทหารพรานไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไปบ้านครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้วคนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ ๑ เมื่อพันตำรวจโทสุวิทย์นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบทหารพรานหลบซ่อนอยู่ในบ้านจำเลยที่ ๑ พร้อมอาวุธปืนเอ็ก ๑๖และถูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายสองคนนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำผิดก่อนมีการกระทำผิดจำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดดังกล่าว
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๖ และฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๖ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๖ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๓๓ ปี ๔ เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share