คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะที่จำเลยที่1เป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและจำเลยที่2เป็นผู้รับอาวัลศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความแต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่1รับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งเป็นการเรียกร้องให้รับผิดตามสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงินจึงเป็นคนละประเด็นกับที่โจทก์และจำเลยที่1พิพาทกันในคดีเดิมฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่1จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความรับผิดตามสัญญาที่จำเลยที่1จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้จึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี สำหรับฟ้องของโจทก์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่2นั้นตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความระบุถึงจำเลยที่2เพียงว่าจำเลยที่2ผู้รับอาวัลได้ทราบข้อตกลงในการที่จำเลยที่1ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการจำเลยที่2ยินยอมรับอาวัลและลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับอาวัลไม่ปรากฏว่ามีข้อความอื่นใดในลักษณะเป็นการค้ำประกันคงระบุแต่เพียงว่าเป็นผู้รับอาวัลแม้จะระบุถึงเรื่องการผ่อนเวลาไว้ก็คงเป็นการกล่าวถึงความรับผิดของจำเลยที่2ในฐานะผู้รับอาวัลซึ่งต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลอื่นตนประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา940โดยไม่อาจอ้างเรื่องการผ่อนเวลาตามหลักค้ำประกันทั่วไปในมาตรา700ข้อต่อสู้ได้ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่2คดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่2ร่วมรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินอันเป็นประเด็นข้อวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมและเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่2คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินขายให้แก่โจทก์รวม 2 ฉบับ มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับดังกล่าว ในการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ได้ทำหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับโดยมีข้อตกลงว่าหากจำเลยที่ 1ไม่ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยที่ 1 ต้องใช้เงินจนครบตลอดจนค่าเสียหายจำเลยที่ 1 ผิดนัด โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับรวมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดถึงวันฟ้องรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 137,095.88 บาท
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การว่าโจทก์เคยฟ้องให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และจำเลยที่ 2ในฐานะผู้รับอาวัลรับผิดคดีถึงที่สุดแล้ว ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน60,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีก่อนฟ้องเป็นเวลา 5 ปี และ ในอัตราเดียวกันนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีเดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและผู้รับอาวัล คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยกรณีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เสียก่อน พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีเดิมโจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งเป็นการเรียกร้องให้รับผิดตามสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อสัญญาดังกล่าวมีข้อความว่า จำเลยที่ 1ไม่จ่ายเงินตามมูลค่าแห่งตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยที่ 1 ยอมใช้เงินให้แก่โจทก์จนครบถ้วนตลอดถึงค่าเสียหาย จึงเป็นคนละประเด็นกับที่โจทก์และจำเลยที่ 1 พิพาทกันในคดีเดิม ฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความรับผิดตามสัญญาที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้ จึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี สำหรับฟ้องของโจทก์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2นั้น ตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงิน มีข้อความระบุถึงจำเลยที่ 2 เพียงว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลได้ทราบข้อตกลงในการที่จำเลยที่ 1 ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการ จำเลยที่ 2 ยินยอมรับอาวัล และจำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับอาวัล เห็นว่าตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว ไม่ปรากฏว่ามีข้อความอื่นใดในลักษณะเป็นการค้ำประกันคงระบุแต่เพียงว่าเป็นผู้รับอาวัล แม้จะระบุถึงเรื่องการผ่อนเวลาไว้ ก็คงเป็นการกล่าวถึงความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับอาวัลซึ่งต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลที่ตนประกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940 โดยไม่อาจอ้างเรื่องการผ่อนเวลาตามหลักค้ำประกันทั่วไปในมาตรา 700ขึ้นต่อสู้ได้อยู่แล้ว ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินอันเป็นประเด็น ข้อวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมและเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกามีเพียงจำนวน 112,500 บาทแต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจากทุนทรัพย์จำนวน 137,095.88 บาทค่าขึ้นศาลจึงเกินมาจำนวน 615 บาทเห็นควรคืนให้โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจำนวน 615 บาท ให้แก่โจทก์

Share