คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3603/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลสั่งให้คู่ความไปจัดทำแผนที่พิพาท โดยห้ามมิให้เลื่อนและระบุว่าถ้าโจทก์ไม่ไปนำชี้จะจำหน่ายคดีเสียนั้น หากทนายโจทก์ผู้จะไปนำชี้จำเป็นต้องจัดการศพบิดาของภริยาจนไม่สามารถไปตามนัด และไม่อาจขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทได้ก่อนวันนัดแต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนในวันต่อมา ดังนี้ ถือว่าเป็นความจำเป็นและมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตได้ ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ถึงวันนัดหากคู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ ก็ให้อีกฝ่ายหนึ่งนำชี้ไปฝ่ายเดียว ดังนั้น แม้คู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ก็หาเป็นอุปสรรคต่อการทำแผนที่พิพาทไม่ ด้วยเหตุนี้หากโจทก์มีความจำเป็นและมิได้ขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาท กรณีก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันจะเป็นเหตุให้สั่งจำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ขอให้รื้อรั้ว
จำเลยให้การแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้สร้างรั้วรุกล้ำที่ดินโจทก์ แต่สร้างในเขตที่ดินจำเลย และจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง และมีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยครอบครองที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมกันแล้วสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินและจ่าศาลไปจัดทำแผนที่พิพาท โดยกำหนดนัดในวันอาทิตย์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๖ และระบุว่าถึงวันนัดหากคู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ก็ให้อีกฝ่ายนำชี้ไปฝ่ายเดียว จะเลื่อนการทำแผนที่พิพาทไม่ได้ เว้นแต่จะไดัรับอนุญาตจากศาล หากจำเลยไม่ไปในวันนัดให้โจทก์นำชี้ไปฝ่ายเดียว และถือว่าไม่ติดใจฟ้องแย้ง ถ้าโจทก์ไม่ไปนำชี้ศาลจะจำหน่ายคดีเสีย
ครั้นวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๒๖ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าตัวโจทก์เดินทางไปต่างจังหวัดและได้มอบหมายให้ทนายโจทก์เป็นผู้นำชี้ทำแผนที่พิพาทแต่ในวันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๖ บิดาของภริยาทนายโจทก์ได้ถึงแก่กรรม ณ ที่บ้านทนายโจทก์เมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๓๓ นาฬิกา ทนายโจทก์จำเป็นต้องจัดการศพในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๖ ไม่สามารถนำเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานศาลไปจัดทำแผนที่พิพาทได้ ขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาท
จำเลยแถลงคัดค้านว่า ฝ่ายโจทก์น่าจะไปนำชี้ได้ ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยและได้ทำแผนที่พิพาทเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำหน่ายคดีโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานและดำเนินคดีต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำร้องของทนายโจทก์และทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทในวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม๒๕๒๖ อันเป็นวันเปิดทำการแรก ประกอบกับทนายจำเลยแถลงคัดค้านแต่เพียงว่าฝ่ายโจทก์น่าจะไปนำชี้ได้ ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยและได้ทำแผนที่พิพาทเรียบร้อยแล้ว คำขอของทนายโจทก์ตามที่กล่าวข้างต้นนับได้ว่าเป็นความจำเป็นและมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตได้ ทั้งการทำแผนที่พิพาทโดยอาศัยการนำชี้ของคู่ความทั้งสองฝ่าย แม้คู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ก็หาเป็นอุปสรรคต่อการทำแผนที่พิพาทแต่อย่างใดไม่ ดังจะเห็นได้จากการที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าถึงวันนัดหากคู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ ก็ให้อีกฝ่ายหนึ่งนำชี้ไปฝ่ายเดียว ด้วยเหตุนี้หากโจทก์มีความจำเป็นและมิได้ขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาท กรณีก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันจะเป็นเหตุให้สั่งจำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒)
พิพากษายืน.

Share