คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477มีจุดมุ่งหมายเป็นเรื่องให้ผู้กระทำผิดไปรายงานตนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เขียนไว้ในคำสั่งเท่านั้น มิได้บัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้จะจับผู้กระทำผิดนั้นไม่ได้
การกล่าวถ้อยคำว่า “ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มาเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สมควรจะต้องกล่าวในเวลาจับกุมเท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ตำแหน่งรองสารวัตรประจำกองกำกับการสืบสวนนครบาลใต้ ได้กระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อแกล้งให้โจทก์ต้องรับโทษ กล่าวคือ จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์จอดรถยนต์ซ้อนคันกีดขวางทางจราจรและควบคุมตัวโจทก์ส่งสถานีตำรวจ ซึ่งโจทก์หาได้กระทำความผิดนั้นไม่ และจำเลยคงมีสิทธิตามกฎหมายที่จะตักเตือนหรือสั่งให้โจทก์ไปรายงานตน ณ สถานีตำรวจเท่านั้น ไม่มีสิทธิจับกุมและควบคุมตัวโจทก์แต่อย่างใด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกควบคุมตัวและถูกเปรียบเทียบปรับ ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยยังกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าบุคคลหลายคนว่า”ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มา” ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๐๐, ๑๕๗, ๓๒๖, ๓๙๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำการจับโจทก์ในขณะที่โจทก์กำลังกระทำความผิดซึ่งหน้า คือ จอดรถยนต์ซ้อนคัน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช ๒๔๗๗ มาตรา ๑๙จำเลยย่อมจับโจทก์ได้โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๘(๑)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่โจทก์ยกมาตรา ๖๔แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ ขึ้นอ้างว่า ตามกฎหมายบทนี้จำเลยจะจับโจทก์ไม่ได้ เพราะจำเลยมีหน้าที่เพียงประการเดียวที่จะออกคำสั่งให้ผู้กระทำผิดไปรายงานตนยังสถานีตำรวจ เพื่อให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งนั้นศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา ๖๔ มีจุดมุ่งหมายเป็นเรื่องให้ผู้กระทำผิดไปรายงานตนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง นับแต่เวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เขียนไว้ในคำสั่งเท่านั้น หาได้บัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้จำเลยจะจับโจทก์ไม่ได้ได้แต่ออกคำสั่งให้โจทก์ไปรายงานตนที่สถานีตำรวจดังที่โจทก์ฎีกาไม่แม้มาตรา ๖๔ ที่ได้แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๙ ก็ยังเป็นเรื่องให้อำนาจเจ้าพนักงานที่จะว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งเท่านั้น หาได้มีความหมายว่าจะจับกุมไม่ได้ดังโจทก์ฎีกาไม่ การจับของจำเลยเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีมูลความผิด
สำหรับถ้อยคำที่จำเลยกล่าวแก่โจทก์และต่อหน้าบุคคลที่สามด้วยถ้อยคำว่า “ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มา” นั้น เห็นว่า เป็นการกล่าวถึงการขับรถยนต์ มิใช่มีความหมายถึงความประพฤติไม่ดีแต่มีความหมายและเป็นที่เข้าใจของสามัญชนผู้ได้ยินได้ฟังว่าโจทก์ขับรถยียวนก็คือ ขับรถไม่เรียบร้อยในสายตาผู้พบเห็นเท่านั้นเองจึงขอจับและให้ส่งใบขับขี่ จะถือว่าถ้อยคำที่กล่าวนั้นถึงกับเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นโจทก์ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สมควรจะต้องกล่าวในเวลาจับกุมเท่านั้น ฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลแห่งความผิด
พิพากษายืน

Share