คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและคู่ความมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาแต่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคำสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้นจึงไม่ชอบ และศาลฎีกาจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นบุตรของนายจันทร์และนางน้อย นางน้อยมารดาโจทก์ตายเมื่อ พ.ศ.2513 ก่อนตายนางน้อยมารดาโจทก์มีที่ดินนาอยู่2 แปลง โดยนายบัวบิดาบุญธรรมยกที่ดินนา 2 แปลงดังกล่าวให้ก่อนนางน้อยมารดาโจทก์ตายประมาณ 15 ปี เมื่อนางน้อยมารดาโจทก์ตาย ที่ดินนา 2 แปลงดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ทั้งสอง และโจทก์ทั้งสองได้เข้าครอบครองที่ดินนา 2 แปลงดังกล่าว ในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมา ครั้น พ.ศ.2516 จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้นายอำเภอธวัชบุรีออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินนา 2 แปลงดังกล่าว อ้างว่านายจันทร์บิดาโจทก์ยกให้ นายอำเภอธวัชบุรีหลงเชื่อจึงออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินนา 2 แปลงดังกล่าวให้จำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาททั้ง 2 แปลงเป็นของโจทก์ ฯลฯ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ที่พิพาทเป็นของนายบัว มาตย์พงษ์ ปู่ของจำเลยซึ่งตายเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2514 ก่อนตายนายบัวได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทไว้และไม่เคยยกที่พิพาทให้แก่ผู้ใด เมื่อนายบัวตาย มรดกของนายบัวจึงตกทอดแก่นายปัด มาตย์พงษ์ และจำเลยในฐานะเป็นผู้รับมรดกแทนที่นายพัดบิดาจำเลย ฯลฯ

โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นสืบตัวโจทก์ทั้งสองเสร็จแล้วมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือและพยานจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์ แต่คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และคู่ความมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาแต่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคำสั่งดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และศาลฎีกาจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวนศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ได้ว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในนาพิพาททั้ง 2 แปลงดีกว่าจำเลยทั้งสอง จึงต้องฟังว่า นาพิพาททั้ง 2 แปลงเป็นของจำเลยทั้งสอง ไม่ใช่เป็นของโจทก์

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ยกฟ้องโจทก์

Share