แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจ่ายค่าน้ำมันรถเป็นการเหมาให้โจทก์เป็นรายเดือนเดือนละเท่าๆ กัน โดยไม่คำนึงว่าในเดือนหนึ่งๆ โจทก์จะได้ใช้จ่ายเงินเป็นค่าน้ำมันรถหรือไม่ หรือได้ใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใด ค่าน้ำมันรถย่อมเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นประจำและมีจำนวนแน่นอนเช่นเดียวกับเงินเดือนจึงถือว่าเป็นค่าจ้าง ส่วนการเบิกเงินค่าน้ำมันรถดังกล่าวซึ่งต้องมีใบเสร็จมาแสดงเป็นเพียงวิธีการเบิกจ่ายเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด จำเลยจ่ายค่าชดเชยโจทก์ขาดโดยไม่นำค่าน้ำมันรถมาเป็นฐานคำนวณค่าชดเชย และไม่จ่ายเงินสะสมให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินดังกล่าว
จำเลยให้การว่าค่าน้ำมันรถจะต้องมีใบเสร็จมาแสดง ส่วนเงินสะสมโจทก์จะจ่ายให้เฉพาะพนักงานที่ลาออกหรือครบเกษียณอายุ โจทก์พ้นหน้าที่เพราะเหตุอื่นจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินสะสม
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยตกลงจ่ายค่าน้ำมันรถเป็นการเหมาให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ 1,080 บาท โดยไม่คำนึงว่าในเดือนหนึ่ง ๆ โจทก์จะได้ใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันรถหรือไม่ หรือได้ใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใด ค่าน้ำมันรถย่อมเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นการประจำและมีจำนวนเงินแน่นอนเช่นเดียวกับเงินเดือน จึงถือว่าเป็นค่าจ้างส่วนข้อความที่ว่าการเบิกต้องมีใบเสร็จมาแสดงนั้น เป็นเพียงกำหนดวิธีการเบิกจ่ายเท่านั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงว่าถ้าไม่มีใบเสร็จมรแสดงในเดือนใด โจกท์ไม่มีสิทธิได้รับค่าน้ำมันรถในเดือนนั้น หรือจำเลยตกลงจ่ายค่าน้ำมันรถให้แก่โจทก์เท่าจำนวนที่โจทก์จ่ายไปจริง จะถือว่าค่าน้ำมันรถมิใช่ค่าจ้างหาได้ไม่
พิพากษายืน