แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่ง จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ การที่จำเลยให้การและนำสืบว่าจำเลยลงลายมือชื่อในเช็ค พิพาทมอบให้แก่ จ. เพื่อค้ำประกันหนี้โดย ไม่ได้ลงวันที่และจำนวนเงิน ต่อมาจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้ จ. จนหมดแต่ จ. ไม่คืนเช็ค ให้นั้นเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวกันระหว่างจำเลยซึ่ง เป็นผู้สั่งจ่ายกับ จ. ซึ่ง เป็นผู้ทรงคนก่อน แม้จำเลยจะให้การว่าโจทก์ได้เช็ค พิพาทมาโดย ทุจริตคบคิดกับ จ. แต่ จำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้น ดังนี้ จำเลยจึงต้อง รับผิดใช้ เงินตาม เช็ค ให้โจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารสหธนาคาร จำกัดสาขาระยอง ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2527 จำนวนเงิน 40,000 บาทซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ให้แก่นางจินตนาชื่นสุขจิตต์ ต่อมานางจินตนาได้โอนเช็คฉบับดังกล่าวส่งมอบชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงินโจทก์ได้นำเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขา 156 คลองจั่น เพื่อให้เรียกเก็บเงิน แต่ะนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่19 ตุลาคม 2527 โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแต่จำเลยไม่ชำระ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และจำเลยจะต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2527 ถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 1,899.24 บาท ขอให้พิพากษาและบังคับจำเลยชำระเงิน 41,899.24 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 40,000 บาทนับตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยเพียงแต่ลงลายมือชื่อในเช็คตามที่โจทก์ฟ้องเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2522 แต่นางจินตนา ชื่นสุขจิตต์ได้ลงข้อความในช่องวันที่และจำนวนเงินเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากได้มาโดยทุจริต คบคิดกับนางจินตนาหรือด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง และโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแสวงหาผลประโยชน์จากเช็คที่ไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่าเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 เป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยได้รับโอนมาจากนางจินตนา ชื่นสุขจิตต์ ธนาคารตามเช็คพิพาทได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2527 โดยให้เหตุผลว่า “บัญชีปิดแล้ว” ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 ปัญหาในชั้นนี้มีว่าจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์หรือไม่ ที่จำเลยให้การและนำสืบว่า จำเลยลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทมอบให้แก่นางจินตนา ชื่นสุขจิตต์ เพื่อค้ำประกันหนี้โดยไม่ได้ลงวันที่และจำนวนเงิน ต่อมาจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ให้นางจินตนาจนหมดแต่นางจินตนาไม่คืนเช็คให้นั้น เป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายกับนางจินตนาซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อนโดยเฉพาะ ข้อต่อสู้ดังกล่าวนี้จำเลยหาอาจยกขึ้นต่อสู้กับโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายคนปัจจุบันได้ไม่เว้นแต่การโอนเช็คพิพาทระหว่างนางจินตนากับโจทก์จะได้กระทำโดยบุคคลทั้งสองนี้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 ประกอบ มาตรา 989 แม้จำเลยจะให้การว่า โจทก์ได้เช็คพิพาทมาโดยทุจริตคบคิดกับนางจินตนา แต่จำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้นแต่ประการใด ในทางตรงกันข้ามนางจินตนา ชื่นสุขจิตต์มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าจำเลยจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ให้พยานและบอกให้พยานกรอกข้อความในเช็คพิพาทต่อหน้าจำเลย เมื่อกรอกข้อความเสร็จจำเลยจึงลงชื่อต่อมาพยานได้นำเช็คพิพาทไปขายลดให้โจทก์ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของโจทก์ และมีเหตุผลน่าเชื่อถือจึงฟังได้ว่านางจินตนากับโจทก์มิได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยแต่ประการใด…”
พิพากษายืน.