คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3168/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีถิ่นที่อยู่ตามปกติอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่จำเลยกระทำความผิดและถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่เป็นกรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 24 ทวิ วรรคสุดท้าย พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เพื่อให้ยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันจับกุมหรือผัดฟ้องตามมาตรา 24 ทวิ วรรค 1, 2 และ 3 ดังนั้น การฟ้องคดีนี้จึงไม่มีกำหนดระยะเวลาตามที่มาตรา 24 ทวิ กำหนดไว้และไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 จัตวาพนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมหนังสือเดินทางประเทศไทย และรอยตราประทับกับรอยตราดุนของกระทรวงการต่างประเทศ และจำเลยใช้หนังสือเดินทางประเทศไทยกับรอยตราปลอมนั้น กับแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานเพื่อขอเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๖๕, ๒๖๘, ๘๔
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องพ้นกำหนดเวลาและมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตาม มาตรา ๒๔ จัตวาแห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงไม่ประทับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็และเยาวชนตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยมีอายุ ๑๖ ปีเศษ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่จำเลยถูกจับกุมเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๒๖ ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม (หนังสือเดินทาง) เหตุเกิดที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ถูกส่งตัวไปควบคุมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๖ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องจำเลยต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางรวม ๔ ครั้ง ครบครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๒๖ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๒๖ และส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ในวันเดียวกันนั้นเอง ซึ่งทางพนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น แล้วพนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๒๖ โดยมิได้ขออนุญาตต่ออธิบดีกรมอัยการ ปัญหาวินิจฉัยมีว่า พนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เมื่อพ้นกำหนดโดยไม่ต้องขออนุญาตต่ออธิบดีกรมอัยการหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๒๔ จัตวา บัญญัติว่าห้ามมิให้พนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๔ ทวิ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ คือพ้นกำหนดระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่เด็กหรือเยาวชนนั้นถูกจับกุม หรือพ้นระยะเวลาที่ผัดฟ้องในกรณีที่เกิดความจำเป็นไม่สามารถฟ้องต่อศาลได้ทันภายในกำหนดระยะเวลา ๓๐ วัน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๔ ทวิ วรรค ๑, ๒ และ ๓ แต่ตามวรรคท้ายแห่งมาตรา ๒๔ ทวิ บัญญัติว่า บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับในกรณีที่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแห่งท้องที่นอกเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน ซึ่งเป็นการยกเว้นกรณีที่เด็กและเยาวชนกระทำความผิดนอกเขตอำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนที่มีอำนาจทำการพิจารณาพิพากษา และพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนมิได้อยู่ในเขตอำนาจของศาลที่มีอำนาจทำการพิจารณาพิพากษา พนักงานสอบสวนนั้นไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อให้ยื่นต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนที่มีอำนาจทำการพิจารณาพิพากษาในกำหนด ๓๐ วันหรือทำการผัดฟ้องตามมาตรา ๒๔ ทวิ วรรค ๑, ๒ และ ๓ คดีนี้จำเลยมีถิ่นที่อยู่ตามปกติอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่จึงเป็นศาลที่มีอำนาจทำการพิจารณาพิพากษา แต่จำเลยกระทำความผิดและถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานกรุงเทพมหานคร หนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทำการสอบสวน คือ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติมาตรา ๒๔ ทวิ วรรคสุดท้าย ได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ในกำหนดระยะเวลา ๓๐ วันนับแต่วันจับกุมหรือผัดฟ้องตามมาตรา ๒๔ ทวิ วรรค ๑, ๒ และ ๓ ดังนั้น การฟ้องคดีนี้จึงไม่มีกำหนดระยะเวลาตามที่มาตรา ๒๔ ทวิ กำหนดไว้ ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา ๒๔ จัตวา พนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ให้ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป

Share