คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่ โดยจำเลยให้เช่าช่วงและทำให้อาคารที่เช่าเสียหาย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย แต่คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมไว้แล้ว คือหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วนั้น บัดนี้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่า สัญญาเช่าจึงสิ้นสุดลงในเวลาที่คดีเดิมอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยังไม่ออกจากอาคารที่เช่า โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ มูลฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2511)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวของโจทก์ประกอบการค้ามีกำหนดเวลา ๓ ปี ระหว่างอายุสัญญาเช่า จำเลยผิดสัญญา คือค้างชำระค่าเช่านำอาคารที่เช่าให้บุคคลอื่นเช่าช่วง และทำอาคารที่เช่าเสียหาย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าและได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งในคดีดำที่ ๖๕/๒๕๐๗
ระหว่างที่โจทก์จำเลยกำลังพิพาทกันนั้น สัญญาเช่าได้หมดอายุ โจทก์จำเลยไม่ได้ต่ออายุสัญญาเช่า สัญญาเช่าจึงระงับไป จำเลยเพิกเฉยไม่ออกไปจึงขอให้ศาลบังคับขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ต้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ทำสัญญาเช่าตึกพิพาทแก่จำเลยมีกำหนด ๓ ปีในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๓๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องต่อศาลและอยู่ระหว่างพิจารณานั้น เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเช่า ในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่ โดยจำเลยให้เช่าช่วงและทำให้ตึกเช่าของโจทก์เสียหาย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหาย คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมไว้แล้ว คือหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วนั้น บัดนี้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่า สัญญาเช่าจึงสิ้นสุดลงในเวลาที่คดีเดิมอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยังไม่ได้ออกจากอาคารที่เช่า โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ มูลฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้ว เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่นี้จะเป็นเรื่องเดียวกับที่เกิดขึ้นก่อนแล้วได้อย่างไร โจทก์ไม่สามารถอ้างเหตุที่เป็นมูลฟ้องในคดีใหม่นี้ซึ่งเป็นมูลฟ้องในคดีเดิมได้ จึงไม่มีทางจะกล่าวได้เลยว่า คำฟ้องที่โจทก์ยื่นขึ้นมาใหม่ในคดีนี้เป็นเรื่องเดียวกันกับคดีเดิม ที่อยู่ในระหว่างพิจารณา ศาลฎีกาจึงเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๓
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ตามรูปความ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกานี้ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งพิพากษาใหม่

Share