คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 คนเดียวในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้มารดาจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่งในข้อหาฐานฉ้อโกง ซึ่งเป็นข้อหาและการกระทำผิดที่มิได้เกี่ยวข้องเป็นคดีเดียวกันคำร้องของโจทก์ที่ยื่นขอเพิ่มเติมนี้ถือได้ว่าเป็นการฟ้องจำเลยคนใหม่เป็นคดีใหม่เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้ ไม่มีเหตุอันควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 163

ย่อยาว

คดีนี้ ชั้นแรกโจทก์ฟ้องนางสาวแถมจำเลยกล่าวหาว่าใช้ยาฆ่าปูผสมข้าวสุกกองไว้ที่ขอบบ่อ เป็ดของโจทก์ได้มากินถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 358, 359 ข้อ 2 และให้ใช้ราคาทรัพย์

ในระหว่างนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่านางเกลี้ยงมารดานางสาวแถมจำเลยมาหาโจทก์แทนนางสาวแถม ได้พูดจากล่าวเท็จและใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจะชดใช้ค่าเป็ดให้ แล้วนางเกลี้ยงก็ไม่ยอมใช้ โจทก์จึงขอเพิ่มเติมคำฟ้องเดิม โดยขอเพิ่มเติมนางเกลี้ยงเป็นจำเลยที่ 2 อีกคนหนึ่ง และขอให้ลงโทษนางเกลี้ยงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342 ข้อ 2 และ มาตรา 83 ในท้ายคำฟ้องที่เพิ่มเติมนี้ลงชื่อนายกมล วงษ์ภักดีทนายโจทก์ในช่องโจทก์ผู้ยื่นคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า ฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 1 มีมูลให้ประทับรับฟ้อง ส่วนคดีสำหรับนางเกลี้ยงจำเลยที่ 2 ในข้อหาฐานฉ้อโกง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและเคลือบคลุม ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสีย

โจทก์อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 มีมูล ไม่เคลือบคลุม

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้ฟ้องหากมีลายมือชื่อของทนายซึ่งไม่ปรากฏว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยที่ 2 ได้ฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) ชอบที่จะยกฟ้อง พิพากษายืน

โจทก์ฎีกายืดยาวหลายประการ สรุปแล้วฎีกาว่า คำร้องเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องสมบูรณ์

ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ อ้างว่าฎีกาโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงและ ข้อกฎหมายว่าอย่างไร

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา

ศาลฎีกาสั่งให้รับฎีกาโจทก์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 2 คือ นางเกลี้ยง ที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องเข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่งว่า เป็นการชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ ตามฟ้องเดิมของโจทก์ โจทก์ได้ฟ้องเฉพาะแต่นางสาวแถมเป็นจำเลยในข้อหาว่ากระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และขอให้ใช้ราคาทรัพย์ แล้วต่อมาโจทก์ก็ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยกล่าวหานางเกลี้ยงมารดาจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่ง มีข้อกล่าวหาเป็นอีกอย่างหนึ่งว่ากระทำผิดฐานฉ้อโกง ข้อกล่าวหาตามฟ้องเดิมและตามคำร้องที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนางเกลี้ยงเข้ามาอีกคนหนึ่ง จึงเป็นข้อหาและการกระทำผิดที่มิได้เกี่ยวข้องเป็นคดีเดียวกัน และตามคำบรรยายในคำร้องเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายให้เห็นว่าจำเลยเดิมกับจำเลยที่โจทก์ขอเพิ่มเติมเข้ามานี้ได้ร่วมกันกระทำผิดในข้อหาทั้งสองแต่อย่างใดเลยกรณีเช่นนี้เป็นกรณีที่ฟ้องจำเลยคนใหม่เป็นคดีใหม่เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้ ไม่มีเหตุอันควรตามมาตรา 163 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พิพากษายืน

Share