แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าหมดอายุจำเลยตกลงเช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อ จึงบอกเลิกการเช่า ให้จำเลยส่งมอบที่เช่าคืนโจทก์เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว แม้จะมิได้บรรยายถึงวันเวลาที่จำเลยเช่า อัตราค่าเช่า และเงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ มาในฟ้อง ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ให้จำเลยเช่าเฉพาะส่วนเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว จำเลยตกลงเช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป จึงมอบให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกการเช่าจำเลยทราบแล้วยังคงอยู่ในที่ดินดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินดังกล่าว กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๕๗,๐๐๐ บาท และอีกเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบที่ดินคืนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ที่ดินพิพาทจำเลยเช่าและซื้อมาจากผู้อื่นเป็นเวลาประมาณ ๑๐ ปีแล้ว หากจะฟังว่าจำเลยเช่า จำเลยก็ไม่ได้ผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทให้จำเลยส่งมอบที่ดินดังกล่าวคืนโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องต่อไปกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย (ก่อนฟ้อง) เป็นเงิน ๕๗,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายเป็นรายเดือนอีกเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไจนกว่าจะส่งมอบที่ดินคืนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๒๓ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า “เดิมจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินเฉพาะส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๕๐๐ แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จากโจทก์เนื้อที่ประมาณ ๑๐๐ ตารางวา ต่อมาเมื่อสัญญาเช่าหมดอายุลง จำเลยตกลงเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวต่อไป จึงได้มอบให้ทนายความของโจทก์มีหนังสือลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๒๓ บอกเลิกการเช่า ให้จำเลยส่งมอบที่เช่าคืนโจทก์ภายในกำหนด ๓๐ วัน จำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าดังกล่าวแล้ว” เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว โจทก์ไม่จำต้องบรรยายถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาที่จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ อัตราค่าเช่าที่ดินและเงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ มาในฟ้องเพราะโจทก์สามารถนำสืบรายละเอียดเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน