แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 บัญญัติคุ้มครองเฉพาะการเช่านา ส่วนการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอย่างอื่นนั้น มาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า หากรัฐบาลเห็นสมควรกำหนดให้มีการควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านาก็ให้กระทำโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการควบคุมการประกอบเกษตรกรรมประเภทใดอีก จึงแสดงว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ประสงค์ให้มีการควบคุมคุ้มครองไปถึงการเช่าที่สวน โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินเพื่อทำสวนจึงไม่มีสิทธิบังคับจำเลยให้ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินตามโฉนดที่ 3301จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 เพื่อทำสวน ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 โจทก์ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลเสาธงหินและคณะกรรมการดังกล่าววินิจฉัยให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 3 แต่จำเลยที่ 3 ไม่ยอม ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับจำเลยที่ 3และหรือให้จำเลยทั้งสามโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ดูแลและอาศัยที่ดินพิพาททำกินการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับจำเลยที่ 3 กระทำโดยสุจริตมติของ คชก. ตำบลเสาธงหินไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยและมติของ คชก. ตำบลเสาธงหิน ต่อ คชก. จังหวัดนนทบุรี ซึ่ง คชก. จังหวัดนนทบุรีได้สั่งให้ คชก. ตำบลเสาธงหินทำการสอบสวนและดำเนินการใหม่แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ใช้ที่ดินพิพาททำสวนไม่ได้ทำนาจึงไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เพราะพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับเรื่องการเช่านาอย่างเดียว หากจะบังคับไปถึงการเช่าอย่างอื่นจะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกามาใช้บังคับก่อน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 3 ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 บัญญัติคุ้มครองเฉพาะการเช่านาโดยบัญญัติไว้ในหมวด 2ส่วนการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างอื่นได้บัญญัติแยกไว้ต่างหากในหมวด 3 ว่าด้วยการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างอื่นโดยมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติถึงกรณีที่รัฐบาลเห็นสมควรกำหนดให้มีการควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านาให้กระทำโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการควบคุมการประกอบเกษตรกรรมประเภทใดอีกดังนั้นแสดงว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ประสงค์ให้มีการควบคุมคุ้มครองไปถึงการเช่าที่สวนเช่นกรณีของโจทก์ ส่วนที่มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 บัญญัติถึงการเช่านาที่อยู่ในบังคับพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 อยู่แล้วให้ถือว่าเป็นการเช่านาที่อยู่ในบังคับพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ต่อไปเป็นคนละกรณีกับของโจทก์คำพิพากษาฎีกาที่ 1048/2526 ระหว่างนายสำรวย สุดใจโจทก์ นางพิศวาท จินดาจิต กับพวกจำเลย ที่โจทก์อ้างมานั้นเป็นเรื่องพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับจำเลยที่ 3 ให้ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน