แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยคนเดียวรับผิดชำระเงินกู้ 2 รายมาในคำฟ้องเดียวกันโดยแยกทำสัญญากู้เป็น 2 ฉบับการวินิจฉัยสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจะต้องคำนวณโดยการรวมทุนทรัพย์ตามสัญญากู้ทั้ง 2 ฉบับ ในคำฟ้องนั้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2523) หมายเหตุ คำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 1076/2514(ประชุมใหญ่)วินิจฉัยทำนองเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ 20,000 บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ ต่อมาจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์อีก 30,000 บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ยังได้ออกเช็คจำนวนเงิน 3,000 บาทเพื่อชำระดอกเบี้ยล่วงหน้าแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงินครั้งหลังจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้น 53,000 บาท กับดอกเบี้ย25,506 บาท 25 สตางค์ แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่ากู้เงินโจทก์เพียง 30,000 บาท ได้ออกเช็คค้ำประกันไว้ต่อมาจำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ 10,000 บาท และออกเช็คจำนวนเงิน 20,000 บาทชำระหนี้ ต่อมาได้ชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้จำเลยที่ 1 และหนี้ดังกล่าวมีการชำระครบถ้วนแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์ 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องย้อนหลังไป 5 ปี โดยให้หักเงินจำนวน 6,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 ชำระแล้วออกเสียก่อน และยกคำขออื่น
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินกู้ 30,000 บาท (การกู้ครั้งหลัง) พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องย้อนหลังไป 5 ปีแก่โจทก์ โดยหักเงินจำนวนดังกล่าวออก 6,000 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้2 ฉบับ รวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยฉบับแรกเป็นเงิน 30,375 บาท ฉบับหลังเป็นเงิน44,812 บาทเศษ ศาลชั้นต้นบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญากู้ทั้งสองฉบับแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญากู้ฉบับหลังเท่านั้น จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังพร้อมทั้งดอกเบี้ยแล้ว จึงมีปัญหาวินิจฉัยในเบื้องแรกว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 50,000 บาท ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ในกรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยคนเดียวรับผิดชำระเงินกู้ 2 รายมาในคำฟ้องเดียวกันโดยแยกทำสัญญาเป็น 2 ฉบับ การวินิจฉัยสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจะต้องคำนวณโดยการรวมทุนทรัพย์ตามสัญญากู้ทั้ง 2 ฉบับในคำฟ้องนั้น จำเลยที่ 1 จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังให้โจทก์แล้ว
พิพากษายืน