แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการสมาคม ส. ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ทำการเป็นผู้รับประกันภัยโดยทำสัญญาประกันชีวิตและร่วมกันเป็นตัวแทนประกันชีวิตของสมาคม ส.โดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต จำเลยรับข้อเท็จจริงตามคำแถลงของเจ้าหน้าที่ที่โจทก์ส่งต่อศาลว่า สมาคม ส.จดทะเบียนถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคม ได้ออกระเบียบการโฆษณาหาสมาชิกโดยกำหนดในระเบียบการว่า สมาคมจะจ่ายเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ให้แก่ ่สมาชิกที่ถึงแก่กรรมจำนวนหนึ่งโดยสมาชิกผู้นั้นจะต้องเสียเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกจำนวน 250 บาทและเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์อีกศพละ 20 บาทให้แก่สมาคม ส.ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ไม่พอวินิจฉัยได้ว่ากิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจของสมาคม ส.เป็นการประกันชีวิตตามกฎหมายหรือไม่ จำเลยให้การปฏิเสธการกระทำผิด โจทก์มิได้นำสืบพยานให้ได้ความตามฟ้อง คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการสมาคมสำเหร่ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ทำการเป็นผู้รับประกันภัยโดยทำสัญญาประกันชีวิตของสมาคมสำเหร่กับผู้มีชื่อและบุคคลอื่น ๆ โดยจำเลยมิได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต และจำเลยกับพวกร่วมกันเป็นตัวแทนประกันชีวิตของสมาคมสำเหร่ชักชวนแนะนำผู้มีชื่อและบุคคลอื่นอีกจำนวนมาก เข้าทำสัญญาประกันชีวิตกับสมาคมสำเหร่ โดยจำเลยและสมาคมดังกล่าวไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๑๒, ๕๘, ๗๒, ๗๔, ๘๖, ๙๕ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การว่ามิได้กระทำผิดตามฟ้อง จำเลยทั้งสองเป็นผู้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของสมาคมสำเหร่ซึ่งจด ทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทำการสงเคราะห์ฌาปนกิจระหว่างสมาชิกเท่านั้น
วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ส่งคำแถลงของเจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐการต่อศาลชั้นต้น จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงที่โจทก์ส่งคำแถลงว่าสมาคมสำเหร่จดทะเบียนถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคมต่อกระทรวงมหาดไทย สมาคมสำเหร่ได้ออกระเบียบการโฆษณาสมาชิกโดยกำหนดในระเบียบการว่าสมาคมจะจ่ายเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่กรรมจำนวนหนึ่ง โดยสมาชิกผู้นั้นจะต้องเสียเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกจำนวน ๒๕๐ บาท และเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์อีกศพละ ๒๐ บาทให้แก่สมาคมโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของจำเลยและข้อเท็จจริงที่ได้ความหาใช่การประกันชีวิตไม่ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่ากิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจของสมาคมสำเหร่ถือได้ว่าเป็นการประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา ๘๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖๑ ขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ส่งคำแถลงของเจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐการต่อศาลชั้นต้น จำเลยแถลงรับโจทก์จำเลยไม่สืบพยานข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสมาคมสำเหร่จดทะเบียนถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ว่าด้วยสมาคมต่อกระทรวงมหาดไทย สมาคมสำเหร่ได้ออกระเบียบการโฆษณาหาสมาชิกโดยกำหนดในระเบียบการว่าสมาคมจะจ่ายเงินค่าฌาปนกิจ สงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่กรรมจำนวนหนึ่ง โดยสมาชิกผู้นั้นจะต้องเสียเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกจำนวน ๒๕๐ บาท และเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์อีกศพละ ๒๐ บาทให้แก่สมาคมสำเหร่ดังนี้ เห็นว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่พอจะวินิจฉัยได้ว่ากิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจของสมาคมสำเหร่เป็นการประกันชีวิตตามกฎหมายหรือไม่ โจทก์มิได้นำสืบพยานให้ได้ความตามฟ้องเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย เอกสารที่โจทก์ส่งก็ไม่เพียงพอที่จะแสดงว่า กิจการของสมาคมสำเหร่เป็นการประกันชีวิต จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำความผิดคดีจึงไม่มีทางที่จะลงโทษจำเลยตามฟ้อง
พิพากษายืน