แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด และเฮโรอีน 1 หลอดบิ๊ก ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจนำจำเลยที่ 1 ไปตรวจค้นที่บ้านพักพบเมทแอมเฟตามีน 4,800 เม็ด และเฮโรอีน 2 หลอดบิ๊ก กับอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก โจทก์แยกฟ้องเป็น 2 คดี ทั้งที่ลักษณะความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีเกี่ยวพันกัน ซึ่งโจทก์อาจฟ้องจำเลยที่ 1 ทุกกระทงความผิดเป็นคดีเดียวกัน และอาจพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ คดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น จึงมีความเกี่ยวพันกันจนอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 160 วรรคหนึ่ง การนับโทษต่อของจำเลยที่ 1 จึงต้องอยู่ในบังคับของ ป.อ. มาตรา 91 (3) คือ เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วจะเกินกว่า 50 ปี ไม่ได้ เมื่อคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ได้รับโทษจำคุกมีกำหนด 33 ปี 4 เดือน จึงนำโทษจำคุกในคดีนี้ไปนับต่อจากโทษในคดีดังกล่าวมีกำหนด 16 ปี 6 เดือน เท่านั้น
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 30 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 30 ปี 3 เดือน นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2548
วันที่ 3 กันยายน 2551 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้แก้ไขหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยไม่มีการนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2547 เวลา 10.30 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สอด จับกุมจำเลยที่ 1 พร้อมเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด และเฮโรอีน 1 หลอดบิ๊ก แจ้งข้อหาว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ต่อมาเวลา 17.30 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจนำหมายค้นของศาลชั้นต้นไปตรวจค้นบ้านจำเลยที่ 1 พบเมทแอมเฟตามีน 4,800 เม็ด และเฮโรอีน 2 หลอดบิ๊ก ซุกซ่อนในกล่องไม้ภายในห้องนอนของจำเลยที่ 1 และอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก แจ้งข้อหาว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต่อมาโจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นสองคดี คือคดีนี้ และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 30 ปี 3 เดือน และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อมาจากโทษจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น ส่วนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 666,666.66 บาท คดีทั้งสองคดีถึงที่สุดแล้ว
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุที่จะแก้ไขหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด และเฮโรอีน 1 หลอดบิ๊ก ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจนำจำเลยที่ 1 ไปตรวจค้นที่บ้านพักพบเมทแอมเฟตามีน 4,800 เม็ด และเฮโรอีน 2 หลอดบิ๊ก กับอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก ลักษณะความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีจึงเกี่ยวพัน ซึ่งโจทก์อาจฟ้องจำเลยที่ 1 ทุกกระทงความผิดเป็นคดีเดียวกันและอาจพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ คดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น จึงมีความเกี่ยวพันกันจนอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160 วรรคหนึ่ง การนับโทษต่อของจำเลยที่ 1 จึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) กล่าวคือ เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วจะเกินกว่า 50 ปี ไม่ได้ เมื่อคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ได้รับโทษจำคุกมีกำหนด 33 ปี 4 เดือน จึงนำโทษจำคุกในคดีนี้ไปนับต่อจากโทษในคดีดังกล่าวมีกำหนด 16 ปี 6 เดือน เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า ให้แก้ไขหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของจำเลยที่ 1 โดยให้นับโทษจำคุกคดีนี้มีกำหนด 16 ปี 6 เดือน ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2548 ของศาลชั้นต้น