คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ผลิตและขายหนังสือพิมพ์จีน จำเลยประกอบกิจการการบินขนส่งผู้โดยสารด้วยเครื่องบินโดยสาร จำเลยมีจดหมายขอสั่งซื้อหนังสือพิมพ์จีนจากโจทก์เพื่อให้การบริการด้านข่าวสารแก่ผู้โดยสาร โจทก์เริ่มส่งหนังสือพิมพ์แก่จำเลยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2548 โจทก์แจ้งให้จำเลยชำระหนี้ทุกวันสิ้นเดือนเพื่อเรียกเก็บเงินค่าหนังสือพิมพ์ของเดือนนั้น ๆ รวม 550,774.80 บาท ต่อมาจำเลยได้ออกตั๋วโดยสารเครื่องบินเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์รวม 37 ฉบับ คงเหลือหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ 446,814.80 บาท
คดีนี้ เอกสารที่เกี่ยวกับข้อตกลงการซื้อขายหนังสือพิมพ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ปรากฏว่าได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้กันไว้อย่างไรนับแต่วันแจ้งหนี้ (วางบิล) แต่จำเลยให้การต่อสู้ว่าอายุความฟ้องคดีนี้เริ่มนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 อันเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ซึ่งโจทก์มิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น ทั้งพนักงานบัญชีของโจทก์เป็นพยานเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านก็ยอมรับตามนั้น จึงถือว่าโจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 เป็นต้นไป การประกอบกิจการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศด้วยอากาศยานของจำเลย เป็นธุรกิจบริการที่สาระสำคัญอยู่ที่การสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ คือ ไม่เพียงแต่ต้องตรงเวลา ปลอดภัย และสะดวกเป็นหลักเท่านั้น แต่ต้องสามารถตอบสนองความต้องการด้านอื่น ๆ ของผู้โดยสารให้ได้มากที่สุดด้วยเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ในการแข่งขันกับสายการบินอื่น ๆ และเพื่อที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีกในครั้งต่อไป ซึ่งการให้การบริการแก่ผู้โดยสารในด้านข้อมูลข่าวสารระหว่างทำการบินหรือระหว่างรอรับบริการ เช่นด้วยหนังสือพิมพ์ก็ต้องนับว่าเป็นไปเพื่อการสร้างความพึงพอใจแก่ผู้โดยสารที่กำลังใช้บริการของจำเลยด้วยไม่มากก็น้อย ทั้งตามถ้อยคำในกฎหมายมิได้แสดงนัยไว้ว่ากิจการของฝ่ายลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ทำให้นั้นต้องเป็นกิจการในส่วนที่เป็นสาระสำคัญด้วย ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) ตอนท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าหนังสือพิมพ์ 550,774.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 446,814.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 เมษายน 2551) จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้ผลิตและขายหนังสือพิมพ์จีนชื่อ ตงฮั้ว ส่วนจำเลยประกอบกิจการการบินขนส่งผู้โดยสารด้วยเครื่องบินโดยสาร จำเลยได้มีจดหมายขอสั่งซื้อหนังสือพิมพ์จีนจากโจทก์ตามจดหมาย ในนั้นมีอารัมภบทความว่าตามที่จำเลยสั่งซื้อหนังสือพิมพ์เพื่อให้การบริการด้านข่าวสารแก่ผู้โดยสารในเส้นทาง กรุงเทพ – ฮ่องกง – กรุงเทพ และ กรุงเทพ – สิงคโปร์ – กัวลาลัมเปอร์ – กรุงเทพ ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี จำเลยจึงประสงค์จะสั่งซื้อต่อไปและจำเลยได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนหนังสือพิมพ์ สถานที่ เวลาส่ง สถานที่วางบิล และราคา เฉพาะราคาฉบับวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ได้กำหนดวิธีการจ่ายเป็นแบบ Barter แลกตั๋วโดยสารเครื่องบินในอัตรา 5.74 บาทต่อ 1 ฉบับ จ่ายเป็นเงินสดในอัตรา 1.91 บาท ต่อ 1 ฉบับ ส่วนฉบับวันอาทิตย์ จ่ายเป็นแบบ Barter แลกตั๋วโดยสารเครื่องบินในอัตรา 2.25 บาทต่อ 1 ฉบับ จ่ายเป็นเงินสด 0.85 บาทต่อ 1 ฉบับ โจทก์ได้เริ่มส่งหนังสือพิมพ์แก่จำเลยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2548 โจทก์แจ้งให้จำเลยชำระหนี้ทุกวันสิ้นเดือนเพื่อเรียกเก็บเงินค่าหนังสือพิมพ์ของเดือนนั้น ๆ รวม 550,774.80 บาท ต่อมาจำเลยได้ออกตั๋วโดยสารเครื่องบินเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์รวม 37 ฉบับ โดยตั๋วโดยสารเครื่องบินฉบับสุดท้ายที่จำเลยออกให้โจทก์ รวม 103,960 บาท จึงคงเหลือหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ 446,814.80 บาท แต่ในชั้นนี้มีประเด็นเรื่องอายุความ เพื่อที่จะเริ่มต้นนับอายุความจำเป็นที่จะต้องกำหนดวันที่จะเริ่มต้นนับอายุความเสียก่อน สำหรับคดีนี้ ตามเอกสารที่เกี่ยวกับข้อตกลงการซื้อขายหนังสือพิมพ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ปรากฏว่าได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้กันไว้อย่างไรนับแต่วันแจ้งหนี้ (วางบิล) แต่จำเลยให้การต่อสู้ว่า อายุความฟ้องคดีนี้เริ่มนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 อันเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ซึ่งโจทก์มิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น ทั้งพนักงานบัญชีของโจทก์เป็นพยานเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านก็ยอมรับตามนั้น จึงถือว่าโจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 เป็นต้นไป จึงมีปัญหาตามที่จำเลยต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ 2 ปีแล้วหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาโต้แย้งว่า ข้อยกเว้นที่จะทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 ประกอบมาตรา 193/34 (1) ที่ว่า เว้นแต่จะเป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง จะต้องเป็นการให้บริการที่เป็นส่วนสำคัญ เป็นบริการหลักในกิจการสายการบินซึ่งถ้าขาดไปจะทำให้กิจการการบินดำเนินต่อไปไม่ได้ ซึ่งการให้บริการหนังสือพิมพ์แก่ผู้โดยสารไม่ได้มีความสำคัญเช่นนั้น สามารถยกเลิกได้โดยไม่กระทบกับกิจการการบินของจำเลย ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การบริการหนังสือพิมพ์แก่ผู้โดยสารเป็นการอำนวยความสะดวกจึงไม่ใช่ส่วนสำคัญของกิจการการบินนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขนส่งผู้โดยสารทางอากาศด้วยอากาศยาน เป็นธุรกิจบริการที่สาระสำคัญอยู่ที่การสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ คือ ไม่เพียงแต่ต้องตรงเวลา ปลอดภัย และสะดวกเป็นหลักเท่านั้นแต่ต้องสามารถตอบสนองความต้องการด้านอื่น ๆ ของผู้โดยสารให้ได้มากที่สุดด้วยเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ในการแข่งขันกับสายการบินอื่น ๆ และเพื่อที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีกในครั้งต่อไป ซึ่งการให้การบริการแก่ผู้โดยสารในด้านข้อมูลข่าวสารระหว่างทำการบินหรือระหว่างรอรับบริการ เช่นด้วยหนังสือพิมพ์ ก็ต้องนับว่าเป็นไปเพื่อการสร้างความพึงพอใจแก่ผู้โดยสารที่กำลังใช้บริการของจำเลยด้วยไม่มากก็น้อย ทั้งตามถ้อยคำในกฎหมายมิได้แสดงนัยไว้ว่ากิจการของฝ่ายลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ทำให้นั้นต้องเป็นกิจการในส่วนที่เป็นสาระสำคัญด้วย ดังนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความ 5 ปี จึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท

Share