คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุก 4 ปี ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
ขณะที่ผู้ตายกำลังจับมือถือแขนคู่หมั้นของจำเลยอยู่นั้น พอผู้ตายเห็นจำเลย ผู้ตายก้มลงหยิบมีดพร้าที่วางใกล้ ๆ มีดนี้มีคมยาวประมาณ 12 นิ้ว ด้ามยาว 12 นิ้ว เป็นมีดขนาดเดียวกับที่จำเลยถือติดตัวมา คดีมีเหตุผลแสดงว่าผู้ตายจะทำร้ายจำเลยถึงตายได้ในทันทีที่ผู้ตายหยิบมีดได้ แม้มือผู้ตายยังอยู่ห่างมีดประมาณ 1 คืบก็ตาม บุคคลที่อยู่ในฐานะอย่างจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะทำร้ายตนแน่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยได้ฟันผู้ตายไปที่ซอกคอ 1 ที เป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่จำเลย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดพร้าฟันนายเปลื้องที่คอโดยเจตนาฆ่า นายเปลื้องได้ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่า ป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดียังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันตัว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๘ ปี ลดตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยขึ้นไปบนเรือนที่เกิดเหตุเนื่องจากได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากนางสาวอารีย์คู่หมั้นของจำเลย ได้เห็นนางสาวอารีย์ซึ่งนุ่งกระโจมอกกำลังถูกผู้ตายซึ่งนุ่งแต่เพียงกางเกงชั้นใน จับมือ และกำลังยื้อแย่งมือนางสาวอารีย์อยู่ เมื่อเป็นดังนี้ จึงเห็นได้ว่าจำเลยกำลังถูกผู้ตายข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยทำร้ายผู้ตายไปในขณะนั้น จึงถือได้ว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๗๒ ให้จำคุก ๔ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อน โดยทำลวนลามยื้อแย่งจับมือถือแขนนางสาวอารีย์ จนนางสาวอารีย์ต้องร้องขอความช่วยเหลือ ผู้ตายก็ทราบว่านางสาวอารีย์เป็นคู่หมั้นของจำเลย เมื่อผู้ตายมองไปเห็นจำเลย ผู้ตายได้ก้มลงจะหยิบมีดพร้าซึ่งวางอยู่ใกล้ ๆ มีดนี้มีคมยาวประมาณ ๑๒ นิ้ว ด้ามยาว ๑๒ นิ้ว เป็นมีดขนาดเดียวกับที่จำเลยถือติดตัวมา ขณะนั้นจำเลยอยู่ใกล้ผู้ตายประมาณ ๑ วา ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีเหตุผลแสดงว่าผู้ตายจะทำร้ายจำเลยและผู้ตายมีโอกาสที่จะใช้มีดนั้นเหวี่ยงทำร้ายจำเลยถึงตายได้ในทันทีทันใดที่ผู้ตายหยิบมีดได้ แม้มือผู้ตายยังอยู่ห่างมีดประมาณ ๑ คืบก็ตาม บุคคลที่อยู่ในฐานะอย่างจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะทำร้ายตนแน่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจำต้องป้องกันตัว ไม่มีเหตุผลที่จำเลยจะต้องเสี่ยงคอยให้ผู้ตายหยิบมีดเสียก่อนหรือหลบไปเสีย การฟันก็ปรากฏว่าจำเลยฟันผู้ตายไปเพียง ๑ ที แม้นางสาวอารีย์จะสะบัดมือหลุดจากผู้ตายแล้ว และจำเลยตั้งใจฟันไปที่ซอกคอผู้ตายก็ตาม ก็ยังเป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่จำเลย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงยังไม่มีความผิด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share