แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ขอแก้ไขชื่อของจำเลยที่ 2 ในชั้นบังคับคดี เมื่อปรากฏชัดเจนว่าชื่อของจำเลยที่ 2 ผิดพลาด และมิใช่เป็นการฟ้องคดีต่างบุคคลกันโจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขชื่อของจำเลยที่ 2 ให้ถูกต้องได้ แม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดี เนื่องจากมิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาหรือเป็นการบังคับนอกเหนือไปจากคำพิพากษา
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้แก่โจทก์ในชั้นบังคับคดี โจทก์ขอแก้ชื่อสกุลของจำเลยที่ 2 จาก นายชัยรัตน์รัตนพิมลเป็น นายชัยรัตน์ รัถยาพิมล จำเลยที่ 2 ค้านว่าเป็นการฟ้องผิดคน คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องไม่ได้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้แก้ชื่อสกุลตามคำร้องได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 2ในคดีนี้คือ นายชัยรัตน์ รัตนพิมล กับนายชัยรัตน์ รัถยาพิมลผู้คัดค้านเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ฟ้องของโจทก์ระบุว่านายชัยรัตน์ รัตนพิมล จำเลยที่ 2 แต่เอกสารหมายเลข 4ท้ายฟ้องคือสัญญาค้ำประกันเงินกู้ระบุว่า นายชัยรัตน์ รัถยาพิมลซึ่งมีการลงชื่อและชื่อสกุลของผู้ค้ำประกันไว้ นอกจากนี้ปรากฏว่าในใบรับหมายเรียก หมายนัดสืบพยาน และคำบังคับมีการลงชื่อผู้รับว่าชัยรัตน์ รัถยาพิมล ซึ่งเป็นลายมือชื่อเดียวกับที่ผู้คัดค้านลงไว้ในใบแต่งหมาย ทั้ง ๆ ที่หมายและคำบังคับดังกล่าวระบุชื่อจำเลยที่ 2ว่า นายชัยรัตน์ รัตนพิมล และผู้คัดค้านก็ไม่เคยโต้แย้งมาก่อนว่าตนมิใช่เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์ขอแก้ชื่อจำเลยที่ 2 ในชั้นบังคับคดีได้หรือไม่เห็นว่า เมื่อปรากฏชัดเจนว่าชื่อของคู่ความผิดพลาด และกรณีมิใช่เป็นการฟ้องคดีต่างบุคคลกัน โจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขชื่อของจำเลยที่ 2 ให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงได้ แม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดีเนื่องจากมิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาหรือเป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษาอย่างใด บทกฎหมายที่ผู้คัดค้านยกขึ้นอ้างไม่ต้องด้วยข้อเท็จจริงในคดีนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน