แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ค่าทดแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคแรก จะมีได้ต่อเมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุที่สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา หรือภริยามีชู้ ตามมาตรา 1516(1)เท่านั้น ฉะนั้น เมื่อโจทก์และจำเลยจดทะเบียนหย่ากันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่อุปการะเลี้ยงดูและยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์และอุปการะเลี้ยงดูและยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา และขอให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์ 20,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘จำเลยฎีกาข้อหนึ่งว่า โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2527 โจทก์ฟ้องวันที่ 22 มกราคม2528 โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ยอมหย่าทั้งที่ข้อเท็จจริงหย่ากันแล้วศาลควรพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่ากันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2527 โจทก์ฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากหย่ากันแล้วโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอหย่าและไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนแต่อย่างใดเพราะว่าค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคแรก จะมีขึ้นได้ต่อเมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516 (1) เท่านั้น หากจำเลยผิดสัญญาไม่จ่ายเงินให้โจทก์ก็ชอบที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญา จะนำคดีมาฟ้องเรียกค่าทดแทนหาได้ไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นต่อไป’
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.