คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดโดยอาศัยมูลหนี้จากการกระทำละเมิดและการผิดสัญญาฝากทรัพย์เพราะจ่ายเงินของโจทก์ให้ผู้อื่นไปโดยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังและฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการธนาคารอันเป็นอาชีวะของจำเลย จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม ที่ใช้ขณะเกิดเหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ฝากเงินไว้กับธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาวงเวียน 22 กรกฎา มีผู้ลักสมุดคู่ฝากของโจทก์และนำไปเบิกเงินจากธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาวงเวียนใหญ่ จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นสมุห์บัญชี สาขาวงเวียนใหญ่ ประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังและฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการของธนาคารอันเป็นอาชีวะของจำเลยที่ 1 และที่ 4 กลับยอมให้มีผู้ถอนเงินจากบัญชีของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 216,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การทำนองเดียวกันว่า โจทก์เป็นผู้ไปถอนเงินด้วยตนเองและคดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 216,250 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงินจำนวน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 1 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดโดยอาศัยมูลหนี้จากการกระทำละเมิดและการผิดสัญญาฝากทรัพย์เพราะจ่ายเงินของโจทก์ให้ผู้อื่นไปโดยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังและฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการธนาคารอันเป็นอาชีวะของจำเลยที่ 1 จึงมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม ที่ใช้ในขณะเกิดเหตุ เมื่อเหตุคดีนี้เกิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม 2533โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2534 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 4 ล้วนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share