คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3114/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 อ้างในคำร้องว่าจำเลยที่ 4แจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 2และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6จึงพ้นความรับผิดไปนั้น เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการชำระหนี้นอกศาลและเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ตามคำคัดค้านของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 และที่ 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระเงิน 18,135,438.07บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 17,094,323.52บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์สินจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 9381 ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกออกขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน

จำเลยทั้งหกให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งหกเสร็จสิ้น และนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 20 ตุลาคม 2541 ในวันนัดอ่านคำพิพากษาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 โดยจำเลยที่ 4 ที่ 5และที่ 6 ไม่คัดค้านการถอนฟ้องแต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 แถลงคัดค้านการถอนฟ้องเพราะทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 เสียเปรียบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาและการสั่งคำร้องขอถอนฟ้องเป็นวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541

ครั้นวันที่ 29 ตุลาคม 2541 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 4 แจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6ได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ 10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา ขอให้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระเงิน10,000,000 บาท ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงยอมถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5และที่ 6 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้ค้ำประกันรับผิดร่วมกันในวงเงิน6,400,000 บาท หากจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ชำระเงินให้โจทก์10,000,000 บาท จริง จำเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมพ้นความรับผิดไปด้วยขอให้ศาลไต่สวนคำร้องนี้แล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6และยกคำร้องขอไต่สวนของจำเลยที่ 2 และที่ 3

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 13,265,177.30 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี จากต้นเงิน 1,000,000 บาท และอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากจำนวนที่เกินกว่า 1,000,000 บาท แบบทบต้นนับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2538 ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2538 แบบไม่ทบต้นนับแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ทั้งนี้ยอดหนี้ถึงวันฟ้องวันที่ 30 กันยายน 2539 ต้องไม่เกินกว่า18,135,438.07 บาท) โดยให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมรับผิดในเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงิน 6,400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13ต่อปี จากต้นเงิน 1,000,000 บาท และอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากต้นเงิน5,400,000 บาท นับแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 9381 ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานีพร้อมสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ผู้จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ และยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 บังคับชำระหนี้ตามจำนวนที่เป็นหนี้ได้ตามกฎหมาย ให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เท่าที่โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยที่ 1 รับผิดในค่าทนายความ 40,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 ร่วมรับผิดในค่าทนายความ 20,000 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 และที่ 6

จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา ขอให้ไต่สวนคำร้องลงวันที่ 29 ตุลาคม 2541 ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 อ้างในคำร้องว่า จำเลยที่ 4 แจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ 4ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ 10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 จึงพ้นความรับผิดไปด้วยนั้น เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการชำระหนี้นอกศาลและเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะอ้างข้อเท็จจริงตามคำร้องดังกล่าวมาให้ศาลไต่สวนเพื่อวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ได้ทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6ตามคำคัดค้านของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องลงวันที่ 29 ตุลาคม 2541 ของจำเลยที่ 2และที่ 3 นั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share