คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3111/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นลูกจ้างทำงานในโรงพยาบาลที่มูลนิธิจำเลยที่ 1เป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารงานหาผลประโยชน์จากโรงพยาบาลมาบำรุงมูลนิธิจำเลยที่ 1 โรงพยาบาลดังกล่าวไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลเมื่อมีข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้นโจทก์ฟ้องมูลนิธิจำเลยที่ 1ได้แต่เมื่อมีปัญหาต้องพิจารณาสภาพการจ้างว่าเป็นการจ้างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจหรือไม่ต้องพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของโรงพยาบาลหาใช่พิจารณาวัตถุประสงค์ของมูลนิธิไม่
จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการมูลนิธิจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงเป็นผู้แทนของนิติบุคคลมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1ต้องถือว่าเป็นนายจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 จำเลยที่ 2 ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำและให้โจทก์ทำงานล่วงเวลาโดยไม่ยอมจ่ายค่าล่วงเวลา ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นมูลนิธิมิได้มีวัตถุประสงค์แสวงหากำไร จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการของมูลนิธิ จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างทดลองงานประจำอยู่ในโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทของจำเลยจำเลยไม่เคยสั่งให้โจทก์ทำงานล่วงเวลา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะฟ้องกล้วยน้ำไทมูลนิธิเป็นจำเลยที่ 1 ก็จริง แต่จำเลยทั้งสองก็ให้การว่าจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำทำงานในโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ตามคำแถลงรับของคู่ความโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทนี้เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นผู้บริหารงานนำผลประโยชน์และกำไรจากการดำเนินกิจการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทไปบำรุงมูลนิธิจำเลยที่ 1 อีกทอดหนึ่ง เนื่องจากโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นโจทก์จึงต้องฟ้องมูลนิธิกล้วยน้ำไทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทและเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72(6)เป็นจำเลย แต่เมื่อมีปัญหาต้องพิจารณาสภาพการจ้างว่าเป็นการจ้างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจหรือไม่ย่อมต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทซึ่งโจทก์ประจำทำงานอยู่ หาใช่พิจารณาวัตถุประสงค์ของมูลนิธิกล้วยน้ำไทไม่ เพราะจำเลยมิได้จ้างโจทก์ให้ทำงานประจำอยู่ในมูลนิธิจำเลยที่ 1 กิจการของโรงพยาบาลเป็นกิจการที่ต้องแสวงหาผลประโยชน์และกำไรไปบำรุงมูลนิธิ ฉะนั้นการจ้างระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นการจ้างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจไม่ได้รับยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่มิให้ใช้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

จำเลยอุทธรณ์ต่อไปว่า จำเลยที่ 2 มิได้เป็นนายจ้างของโจทก์และมิได้ดำเนินการเป็นการส่วนตัวจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวต่อโจทก์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการมูลนิธิจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้แทนของนิติบุคคล มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ต้องถือว่าเป็นนายจ้างตามวิเคราะห์ศัพท์ของคำว่า “นายจ้าง” ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 ฉะนั้นจำเลยที่ 2 ในฐานะประธานกรรมการของมูลนิธิจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดจ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share