คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2563

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิม ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ฎีกา และต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้รับคำให้การจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ต่อไป ดังนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวย่อมมีผลให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคในคดีเดิมสิ้นผลไป เท่ากับว่าศาลชั้นต้นในคดีก่อนยังไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทมาก่อน ดังนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าเป็นกระบวนพิจารณาซ้ำได้ กรณีจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 7

ย่อยาว

โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,174,228.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 1,159,531 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภค พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 โจทก์ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยให้ทำความสะอาดอาคาร 17 และพื้นที่บริเวณรอบ ๆ อาคาร ถนน ลานจอดรถ รวมทั้งที่ทำการของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็นงวด งวดละ 1 เดือน รวม 12 เดือน เดือนละ 143,850 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 แต่ก่อนฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 จำเลย (ในคดีนี้) เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ (ในคดีนี้) เป็นจำเลยอ้างว่าผิดสัญญาจ้างทำความสะอาดอาคาร ขอให้ชำระค่าจ้างที่ค้างชำระ ซึ่งศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าว เห็นว่า จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ขาดนัดยื่นคำให้การ และฟังว่าจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาแล้วพิพากษาให้ชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ (จำเลยในคดีนี้) ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ผบ.293/2557 หมายเลขแดงที่ ผบ. 1125/2558 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคก็วินิจฉัยว่าจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่นกัน คดีอยู่ระหว่างจำเลย (โจทก์คดีนี้) รอศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ. 1125/2558 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีก่อน คือ คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1125/2558 ของศาลชั้นต้น ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ฎีกา และต่อมาปรากฏจากสารบบความของศาลฎีกาว่า ในคดีก่อนศาลฎีกามีคำพิพากษาตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2562 ให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้รับคำให้การจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ต่อไป ดังนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวย่อมมีผลให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคในคดีก่อนสิ้นผลไป เท่ากับว่าศาลชั้นต้นในคดีก่อนยังมิได้มีคำวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทมาก่อน คำฟ้องในคดีนี้จึงยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าเป็นกระบวนพิจารณาซ้ำได้ กรณีจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 7 ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีนี้ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามชั้นศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว

Share