แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.พ.พ. มาตรา 425 เป็นบทบัญญัติถึงหน้าที่และความรับผิดของนายจ้างที่ต้องร่วมกับลูกจ้างรับผิดต่อความเสียหายที่บุคคลภายนอกได้รับจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างเท่านั้น แต่ในระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างสิทธิของนายจ้างและหน้าที่ของลูกจ้างจะพึงมีต่อกันเพียงใดต้องเป็นไปตามมาตรา 426 ลูกจ้างขับรถของนายจ้างโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเสียหาย แต่โจทก์ผู้เป็นนายจ้างยังไม่สามารถตกลงจำนวนค่าเสียหายและยังไม่ได้ชำระค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอก โจทก์จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เป็นลูกจ้างที่กระทำละเมิดตามบทกฎหมายดังกล่าว โจทก์ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ในทางแพ่ง จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ในฐานะทายาทและจำเลยที่ 6 ในฐานะผู้ค้ำประกันของลูกจ้างชำระค่าเสียหายส่วนนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดกของนายชิน ชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี และจำเลยที่ ๖ ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องร่วมรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ในวงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งหกขาดนัด
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า นายชิน วะชังเงิน เป็นลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์ โดยมีจำเลยที่ ๖ เป็นผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดในวงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายชิน เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๔๑ นายชินขับรถยนต์ของโจทก์ในทางการที่จ้างชนรถยกตู้สินค้า ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๒ นายชินขับรถยนต์ของโจทก์ในทางการที่จ้างชนกำแพงกั้นขอบทางด่วน เป็นเหตุให้ตู้สินค้าที่บรรทุกมาหลุดออกจากรถตกจากทางด่วนไปทับรถยนต์ ๕ คัน ที่จอดอยู่และนายชินถึงแก่ความตาย ทำให้รถยนต์ของโจทก์ ตู้สินค้า รถยนต์ของบุคคลอื่น กำแพงกั้นขอบทางด่วน และเสาไฟฟ้าบนทางด่วนได้รับความเสียหาย โจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปบางส่วนแล้ว ซึ่งรวมกับค่าเสียหายของโจทก์รวมจำนวน ๑,๒๓๐,๘๘๒ บาท แต่ยังไม่ได้ชำระค่าเสียหายให้แก่เจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๙ อ – ๕๑๕๙ กรุงเทพมหานคร และ ๙ ท – ๑๗๙๖ กรุงเทพมหานคร รวมจำนวน ๕๖๐,๐๐๐ บาท โจทก์จึงยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนที่ยังไม่ชำระ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑,๒๓๐,๘๘๒ บาท และจำเลยที่ ๖ ชำระจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์จะต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างต่อบุคคลภายนอก แม้โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอกก็ถือว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิและหน้าที่แล้วนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๕ บัญญัติให้นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นเป็นบทบัญญัติถึงหน้าที่และความรับผิดของนายจ้างที่ต้องร่วมกับลูกจ้างรับผิดต่อความเสียหายที่บุคคลภายนอกได้รับจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างเท่านั้น แต่ในระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างสิทธิของนายจ้างและหน้าที่ของลูกจ้างจะพึงมีต่อกันเพียงใดต้องเป็นไปตามมาตรา ๔๒๖ ซึ่งบัญญัติว่านายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น แต่โจทก์ยังไม่สามารถตกลงจำนวนค่าเสียหายและยังไม่ได้ชำระค่าเสียหายให้แก่เจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๙ อ – ๕๑๕๙ กรุงเทพมหานคร และ ๙ ท – ๑๗๙๖ กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเงินจำนวนดังกล่าวจากนายชิน วะชังเงิน ลูกจ้างตามบทกฎหมายดังกล่าว โจทก์ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ในทางแพ่ง จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ในฐานะทายาท และจำเลยที่ ๖ ในฐานะผู้ค้ำประกันของนายชินชำระค่าเสียหายส่วนนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ ที่ศาลแรงงานกลางยกฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.