แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์เป็นทั้งเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานและละเมิดในขณะเดียวกัน แม้จำเลยจะอ้างอายุความเรื่องละเมิดโดยมิได้กล่าวถึงอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นต่อสู้ก็ตาม แต่จำเลยยกข้อเท็จจริงและเหตุผลว่าเพราะเหตุใดคดีโจทก์จึงขาดอายุความขึ้นมากล่าวไว้ในคำให้การแล้ว ถือว่าจำเลยได้อ้างอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นมาต่อสู้ไว้แล้ว ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจยกอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นมาปรับแก่คดียกฟ้องโจทก์ก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงิน 9,100 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหายของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่าจำเลยเคยเป็นลูกจ้างโจทก์ ตำแหน่งพนักงานขับรถ มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางในทางการที่จ้างของโจทก์ ประจำเขตการเดินรถที่ 4 ปัจจุบันโจทก์ได้เลิกจ้างจำเลยแล้ว ระหว่างที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คือเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2523 เวลาประมาณ13 นาฬิกา จำเลยได้ขับรถยนต์โดยสารประจำทาง สาย 1 (พิเศษ)คันหมายเลขทะเบียน 1 จ-4745 กรุงเทพมหานคร ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถยนต์โดยสารประจำทาง สาย 77 คันหมายเลขทะเบียน 10-1214 กรุงเทพมหานคร เสียหายคิดเป็นเงิน 8,500 บาทและทำให้ผู้โดยสารในรถคันที่จำเลยขับได้รับบาดเจ็บ คิดเป็นค่ารักษาพยาบาลรวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 11,500 บาท โจทก์ได้จ่ายค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว หลังเกิดเหตุจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2523โจทก์ได้หักค่าจ้างของจำเลยจำนวน 2,400 บาทไว้ จึงเหลือค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชดใช้ให้แก่โจทก์อีก 9,100 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์ข้อแรกว่าจำเลยกล่าวอ้างถึงอายุความละเมิด มิใช่ยกอายุความผิดสัญญาจ้างแรงงานตามข้ออ้างในฟ้องโจทก์มาเป็นข้อต่อสู้ จะถือว่าจำเลยมีเจตนายกอายุความผิดสัญญาจ้างแรงงานต่อสู้ด้วยไม่ได้ ที่ศาลแรงงานกลางยกเอาอายุความละเมิดดังกล่าวมาวินิจฉัยว่าเป็นอายุความตามสัญญาจ้างแรงงานด้วยจึงคลาดเคลื่อนไปจากคำให้การของจำเลยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยขับรถไปตามทางการที่จ้างของโจทก์ด้วยความประมาท ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาจ้างแรงงานอย่างหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ด้วยแม้จำเลยจะอ้างอายุความเรื่องละเมิดโดยมิได้กล่าวถึงอายุความเรื่องผิดสัญญาขึ้นมาต่อสู้คดีโจทก์ก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ยกข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดคดีโจทก์จึงขาดอายุความขึ้นมากล่าวไว้ในคำให้การด้วยแล้ว โดยกล่าวว่า มูลหนี้คดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2523 และโจทก์ได้รู้ถึงวันละเมิดอันหมายความถึงวันเกิดเหตุ อันเป็นมูลก่อให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องและรู้ตัวผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วตั้งแต่วันนั้น แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2536 (ที่ถูกเป็นวันที่ 19มกราคม 2536) เมื่อนับแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องก็เป็นเวลาถึง 12 ปีเศษแล้ว จึงพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด จากข้อเท็จจริงที่ว่านับแต่วันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาจนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปี อันเป็นอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานรวมอยู่ด้วย ถือได้ว่าจำเลยได้อ้างอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นมาต่อสู้ไว้แล้วเมื่อคดีโจทก์เป็นทั้งเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานและละเมิดในขณะเดียวกันดังได้วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้น ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจที่จะยกอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นมาปรับแก่คดีโจทก์ได้ ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป”
พิพากษายืน