คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่สามารถนำเอกสารตามหมายเรียกไปมอบให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนโดยมิใช่เพราะความผิดของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์จงใจขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่นำเอกสารมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจประเมินให้โจทก์เสียภาษีในอัตราร้อยละ 2 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย ตามมาตรา 71(1) และแม้โจทก์จะให้ความยินยอมในการประเมิน ดังกล่าวก็หาทำให้การประเมินซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นการประเมินที่ชอบไปแต่อย่างใดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ของจำเลยได้ประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโจทก์โดยอ้างว่า โจทก์ไม่สามารถนำบัญชีและเอกสารไปให้ทำการไต่สวนตรวจสอบได้ครบถ้วนตามมาตรา ๑๙ แห่งประมวลรัษฎากร จึงประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโจทก์ในอัตราร้อยละ ๒ ของยอดรายรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๔ ก่อนหักรายจ่ายใด ๆตามมาตรา ๗๑(๑) โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ โจทก์เห็นว่าการประเมินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ต.ภ. ได้มาตรวจค้นและยึดสมุดบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ไปจากโจทก์ทั้งหมด และต่อมาได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ที่ยึดไปให้จำเลยทำการตรวจสอบแล้ว หาใช่ว่าโจทก์ไม่นำไปให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบไม่ ขอให้เพิกถอนการประเมิน
จำเลยให้การว่า จำเลยประเมินเรียกเก็บภาษีตามฟ้องก็เพราะโจทก์ไม่นำส่งเอกสารให้เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยตรวจสอบตามหมายเรียก เอกสารที่เจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ. ยึดมาจากโจทก์แล้วส่งให้จำเลยไม่มีเอกสารแสดงรายจ่ายและเอกสารอื่น ๆ อีกหลายรายการ เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่อาจพิสูจน์รายจ่ายของโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ได้ยินยอมในการประเมินของเจ้าพนักงานแล้ว การประเมินชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของโจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ต.ภ. ได้ยึดเอาเอกสารต่าง ๆ ดังจำเลยอ้างไปจากโจทก์ทั้งหมด แต่เอกสารได้สูญหายไปในระหว่างการยึดครองของสำนักงาน ก.ต.ภ. ก่อนที่สำนักงาน ก.ต.ภ. จะส่งมาให้จำเลยตรวจสอบ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์ไม่สามารถนำเอกสารแสดงการจ่ายตามหมายเรียกไปมอบให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนจึงมิใช่เป็นความผิดของโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์จงใจขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่นำเอกสารมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนตามมาตรา ๑๙ แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินก็ไม่มีอำนาจประเมินตามมาตรา ๗๑(๑) ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๔ ในอัตราร้อยละ ๒ ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย การประเมินดังกล่าวจึงเป็นการมิชอบ แม้โจทก์จะให้ความยินยอมในการประเมินเช่นว่านั้น ก็หาทำให้การประเมินซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นการประเมินที่ชอบไปแต่อย่างใดไม่
พิพากษายืน

Share