แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยซื้อพระเครื่อง 11 องค์ซึ่งส่วนมากทำเป็นเหรียญจากเด็กที่นำมาขายในราคา 20 บาท โดยจำเลยสะสมไว้เป็นของชำร่วยให้กับผู้บริจาคเงินทำบุญซ่อมกุฏิของวัด จำเลยบวชมานาน 30 พรรษาเป็นครูสอนปริยัติธรรม เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ควรรอการลงโทษให้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 จำคุก 2 ปี คืนของกลางแก่เจ้าของ ให้คืนของใช้ราคาพระเครื่องอีก 7 องค์ เป็นเงิน 4,000 บาทแก่ผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้ภายในกำหนด 2 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีข้อวินิจฉัยว่าสมควรรอการลงโทษจำเลยหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยรับเอาพระเครื่องชนิดต่าง ๆไว้ในครอบครองโดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดเข้าลักษณะลักทรัพย์ โดยจำเลยซื้อจากเด็กที่นำมาขายในราคา 20 บาท พระเครื่องส่วนมากเป็นชนิดที่ทำเป็นเหรียญ ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่ามีราคาไม่มากนัก ปรากฏตามคำให้การจำเลยในชั้นสอบสวนว่า จำเลยสะสมพระเครื่องไว้เป็นของชำร่วยให้กับผู้ที่บริจาคเงินทำบุญซ่อมกุฎิของวัด ตอนพวกผู้เสียหายขอดู จำเลยก็ยกพานใส่พระเครื่องมาให้ดู ความผิดของจำเลยมิได้เป็นการรับทรัพย์อย่างอื่นสภาพแห่งความผิดจึงไม่เป็นการร้ายแรง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และตามท้องสำนวนได้ความว่า จำเลยบวชเป็นภิกษุมานาน 30 พรรษาเจ้าอาวาสรับรองความรู้ความพระพฤติว่า เป็นผู้สอบไล่ได้นักธรรมเอก ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม เป็นพระธรรมวาจาจารย์ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเป็นรองประธานหน่วยอบรมศีลธรรมประชาชน ประจำตำบลธนู อำเภออุทัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้มีศีลาจารวัตรอันดีงาม ไม่เคยมีความมัวหมองในทางพระศาสนา ดังนี้ เห็นว่าสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตน”
พิพากษายืน